กทม.4 เม.ย.-ก.แรงงาน แจงกรณีแรงงานต่างด้าวที่ไม่สามารถลงทะเบียนดำเนินการที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จได้ทันเวลา ให้ไปจัดทำทะเบียนประวัติ ตีวีซ่า ตรวจสุขภาพ ทำประกันสุขภาพและขออนุญาตทำงานได้ ภายใน 30 มิ.ย.นี้ จะมี SMS แจ้งไปยังนายจ้าง/ผู้ประกอบการเพื่อนัดวันเวลา สถานที่ดำเนินการต่อไป พร้อมย้ำหากไม่ดำเนินการภายในกำหนดจะไม่สามารถอยู่ทำงานในประเทศไทยต่อไปได้ หากประสงค์จะทำงานต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง แล้วกลับเข้ามาตามระบบ MOU
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่แรงงานต่างด้าวไม่สามารถลงทะเบียนดำเนินการที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จได้ทันเวลา ว่า จากการดำเนินการที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้มีมาตรการเพื่อให้กระบวนการดำเนินการในศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ทันเวลา โดยมีการวางแผน การปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ซึ่งได้มีการปรับกระบวนการทำงานเป็น
3 ระยะ คือระยะแรก กำหนดให้แรงงานนำใบเสร็จรับเงินค่าตรวจสุขภาพและค่าประกันสุขภาพ เป็นหลักฐานแทนใบรับรองแพทย์ เมื่อผลตรวจออกมาแล้วให้ใช้ใบรับรองแพทย์
ระยะที่ 2 ลดขั้นตอนโดยให้แรงงานตีวีซ่าและขออนุญาตทำงานก่อน แล้วจึงนัดไปจัดทำใบอนุญาตทำงาน (บัตรสีชมพู) ในภายหลัง รวมทั้งเพิ่มเวลาการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก
ระยะที่ 3 เพิ่มช่องทางโดยรับลงทะเบียนกลุ่มที่ยังตกค้างไม่สามารถดำเนินการภายในศูนย์ฯ ได้ทันเวลาที่กำหนดทางระบบออนไลน์เว็บไซต์กรมการจัดหางาน www.doe.go.th หรือทางเอกสารที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในส่วนภูมิภาค ทั้งยังมีการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ไปยังสถานประกอบการเพื่อรับลงทะเบียนออนไลน์ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2561 เวลา 24.00 น. แล้วจึงมาจัดทำทะเบียนภายหลัง โดยกระทรวงแรงงานจะส่ง SMS กำหนดวัน เวลานัดหมายไปให้นายจ้างเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่างๆให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2561
มีผลการดำเนินงานคือ แรงงานต่างด้าวมาดำเนินการทั้งหมด จำนวน 1,320,035 คน คิดเป็นร้อยละ 96 คงเหลือที่ไม่มาดำเนินการเพียง 59,217 คน คิดเป็นร้อยละ 4 เท่านั้น และมีการลงทะเบียนทางออนไลน์ จำนวน 190,056 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ไม่สามารถอยู่ต่อหรือทำงานต่อไปได้ แต่หากประสงค์จะทำงานต่อไปก็ต้องเดินทางกลับออกไปก่อนและกลับเข้ามาใหม่ตามระบบ MOU
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวด้วยว่า กระทรวงแรงงานได้ประสาน กับประเทศต้นทางเพื่อให้การนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามระบบ MOU สามารถรองรับความต้องการแรงงานของนายจ้างและสถานประกอบการได้อย่างเพียงพอ โดยปรับลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่ายให้มีความเหมาะสม เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด คุ้มค่า ซึ่งสามารถดำเนินการได้2 กรณีคือ 1.นายจ้างเป็นผู้ดำเนินการเอง 2. นายจ้างมอบอำนาจให้ ผู้รับอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศดำเนินการ โดยนายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานแต่ยังไม่มีแรงงานต่างด้าว สามารถดำเนินการได้โดยยื่นคำร้องขอนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ในเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ การนำเข้าตามระบบ MOU เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายจะทำให้แรงงานได้รับความคุ้มครองและดูแลเหมือนเช่นคนไทย และเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล .-สำนักข่าวไทย