กนอ.จับมือบีซีพีจีพัฒนานิคมสมาร์ทพาร์ค

โตเกียว 20 มี.ค. – กนอ.จับมือบีซีพีจี ศึกษาความต้องการใช้ไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรมในสมาร์ทพาร์ค เตรียมเดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน คาด 3 เดือนรู้ผล


นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทพาร์ค จ.ระยอง ซึ่งเป็นโครงการสำคัญอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) นั้น ตามแผนจะมีการพัฒนาด้านระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ(สมาร์ท กริด) ที่โรงงานผู้ผลิตจะมีการผลิตไฟฟ้าใช้เองและเมื่อเหลือใช้จะขายให้โรงงานใกล้เคียง ขณะเดียวกันจะมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์) บนหลังคาโรงงาน โซลาร์แบบทุ่นลอยน้ำ ซึ่งล่าสุด กนอ.ร่วมกับบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความพร้อมมากที่สุดในการศึกษาทำฐานข้อมูลกลาง เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลปริมาณใช้ไฟฟ้าแต่ละช่วงรองรับการใช้ไฟฟ้าของโรงงานอุตสาหกรรม โดยผลการศึกษาจะเกิดความชัดเจนภายใน 3 เดือน จากนั้นจะพัฒนาและขยายผลการศึกษา เพื่อนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติและการลงทุนใช้พลังงานจากนวัตกรรมพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งรูปแบบการลงทุนอาจจะลงทุนในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐ (พีพีพี) หรือเป็นการเช่าพื้นที่ปกตินั้นต้องรอผลการศึกษาดังกล่าวก่อน

ขณะที่มูลค่าการลงทุนขึ้นอยู่กับผลการศึกษา ซึ่งการติดตั้งพลังไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เบื้องต้นพบว่าในพื้นที่ 10 ไร่ สามารถติดตั้งโซล่าได้ 1 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดว่าในพื้นที่สมาร์ทพาร์คสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 60-100 เมะวัตต์ โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 240 –  400 ล้านบาท ซึ่งต้องรอผลการศึกษาที่จะเสร็จ


นายวีรพงศ์ กล่าวว่า บีซีพีจีมีความร่วมมือกับกระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อยู่แล้วในการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานพลังงานทดแทน จึงไม่มีปัญหาในการประสานงานหรือการลงทุนแต่อย่างใด รวมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวจะผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในนิคมฯ เท่านั้น ทำให้ลดภาระให้กับ กฟผ.และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่จะต้องจ่ายกระแสไฟฟ้ามายังกับนิคมสมาร์ทพาร์ค หากนิคมสมาร์ทพาร์คก่อสร้างเสร็จจะเป็นสมาร์ทกริดแห่งแรกในประเทศส่วนของภาคอุตสาหกรรม

สำหรับการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทพาร์ค บนพื้นที่ 1,500.97 ไร่ มีจัดสรรงบประมาณการลงทุน 2,097 ล้านบาท เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตตามเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับปัจจุบันโครงการฯ อยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเบื้องต้น พร้อมทั้งการจัดทำร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ (อีไอเอ) คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2563.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนน้อย-อีสานอากาศเย็นตอนเช้า

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย โดยภาคอีสานมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 20%

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน