รัฐมนตรีต่างประเทศย้ำในเวที เอชอาร์ซี ไทยยกเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ

สวิตเซอร์แลนด์1มี.ค.-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยันรัฐบาลประกาศให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ  พร้อมออกมาตรการสิทธิมนุษยชนเชิงบวกหลายเรื่อง เพื่อให้บรรลุผลที่ยั่งยืน ย้ำถ้อยแถลงไทยเน้นสมดุล


นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประชาชาติ (เอชอาร์ซี) ครั้งที่ 37 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยได้มีการแบ่งปันความเห็นใน 2 ด้านในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน(ยูดีเอชอาร์)คือการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติค.ศ. 2030 ควบคู่กับการให้การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ไทยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และได้มีการนำเอาประเด็นสิทธิมนุษยชนมาผนวกเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาของประเทศ ซึ่งยึดโยงกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการที่ประชาชนต้องเป็นศูนย์กลาง ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้กำหนดให้ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติเป็นครั้งแรก โดยเชื่อมโยงเข้ากับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และความพยายามของรัฐบาลที่จะดำเนินการเพื่อให้บรรลุผลในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน รัฐบาลดำเนินมาตรการต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปกฎหมาย ทั้งยังตั้งเป้าที่จะพัฒนา นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งปัจจุบันครอบคลุมประชากรเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของไทย  นอกจากนี้รัฐบาลยังได้จัดทำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยกว่า 11 ล้านคนได้ประโยชน์

นายดอนกล่าวว่า ไทยยังได้ออกกฎหมาย อาทิ พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ,พระราชบัญญัติราชทัณฑ์  พ.ศ. 2560,พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560,พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560,และพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสําหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560อีกทั้งกำลังยกร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและขจัดการใช้แรงงานเกณฑ์หรือแรงงานงานบังคับ ซึ่งจะช่วยป้องกันแรงงานบังคับรวมถึงปกป้องแรงงานในอุตสาหกรรมประมง ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน คณะรัฐมนตรีก็ได้รับรองร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อเพิ่มพูนโอกาสทางการศึกษาสำหรับทุกคนคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและประเมินสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ เพื่อประเมินผลกระทบที่เป็นไปได้ของโครงการขนาดใหญ่ที่มีต่อชุมชนและประชาชน ทั้งนี้รัฐบาลไทยยังได้ดำเนินการอย่างแข็งขันในการยุติสถานะบุคคลไร้รัฐภายในปีค.ศ. 2024 โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อปี 2558 เพื่อปูทางไปสู่การให้สถานะทางกฎหมาย รวมถึงความเป็นพลเรือนกับเด็กชนเผ่าที่ถือเป็นคนไร้รัฐราว 110,000 คน นอกจากนี้ประเทศไทยยังทำงานเกี่ยวกับระบบในการตรวจสอบผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่ไร้เอกสารเพื่อรับรองว่าความต้องการพื้นฐานของพวกเขาจะได้รับการปกป้อง


นายดอนกล่าวว่า รัฐบาลยังได้สรุปแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 4 (2562-2566) เพื่อจัดการกับปัญหาท้าทายทั้งด้านสิทธิมนุษยชนอาทิการเข้าถึงที่ดินและทรัพยากร รวมถึงการให้การปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับภาคเอกชนอย่างครอบคลุมมากขึ้นในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบสนองเป้าหมายในการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง70 ปีในการลงนามยูดีเอชอาร์ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราซึ่งไทยอยากจะขอแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการทำงานในอนาคตทั้งเรื่องการทำงานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนต้องไม่ถูกมองว่าเป็นเพียงงานของรัฐบาลเท่านั้นแต่เป็นงานของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษาไปจนถึงสื่อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เปราะบาง รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันและปกป้องมากกว่าการเยียวยา และต้องให้การรับรองว่าทุกคนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชนในการปฎิบัติหน้าที่ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องให้การเคารพอย่างเต็มที่ในเรื่องสิทธิมนุษยชนและไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด และเรื่องการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนต้องเริ่มต้นตั้งแต่ใกล้ตัวเรา จากที่บ้าน ครอบครัวไปสู่โรงเรียน ชุมชน สถานที่ทำงาน และสภาพแวดล้อมสังคมต่างๆ

นายดอนกล่าวว่าปัจจุบันโลกยุคดิจิทัลทำให้การสื่อสารกันเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันการก่ออาชญากรรมและการละเมิดสิทธิมนุษยชนก็เกิดได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะที่โซเชียลมีเดียช่วยเชื่อมต่อพวกเราเข้าไว้ด้วยกันเราจำเป็นต้องทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่กลายเป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายความเกลียดชังและความแตกแยก และขณะที่เสรีภาพในการแสดงออกเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการพัฒนาและนวัตกรรม แต่เราต้องใช้เสรีภาพนั้นด้วยความเคารพต่อสิทธิและชื่อเสียง ด้วยการตระหนักรู้ในความผิดชอบชั่วดี ความมีศีลธรรม และต้องไม่ละเมิดสิทธิรวมถึงผลประโยชน์ของผู้อื่นเพื่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในสังคม ขณะที่สิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการเรียกร้องให้ผู้อื่นเคารพสิทธิของเราแต่เกี่ยวกับการทำตัวเราให้น่าเชื่อถือผ่านคำพูดและการกระทำซึ่งจะทำให้สิ่งที่ถือเป็นคุณค่าและหลักการที่ปรากฎในยูดีเอชอาร์ถูกนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง นอกจากนี้เราจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลไกด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเพื่อให้ตอบสนองเป้าหมายและทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงทำให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ต้องการเห็นกลไกของสหประชาชาติที่ทำงานสอดประสานกันได้อย่างแท้จริง ต้องการเห็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นที่แห่งการพูดคุยที่สร้างสรรค์และจริงจัง  คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะต้องมีทัศนคติและมุมมองแบบองค์รวมซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการแก้ไขสิ่งท้าทายในยุคสมัยของเราเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่ยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย