10 ก.ย. – นักแสดงสาว “ริชชี่ อรเณศ” ควงแฟนหนุ่ม “ก๊อต อิทธิพัทธ์” ไลฟ์เล่าเรื่องสุดช็อกเพิ่งทราบน้องชายตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินเก็บก้อนใหญ่ของครอบครัวนับล้านบาทจนเกลี้ยงบัญชี ส่วนตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมตัว 2 ชายชาวมาเลเซีย และหญิงชาวไทย 1 คน หลอกอดีตพยาบาลวัย 74 ปี ลงทุนที่ดิน
ริชชี่ เล่าเสียงสั่น บางช่วงน้ำตาคลอ ว่ากลลวงของมิจฉาชีพส่งหนังสือมาจริงจัง พร้อมทั้งมีข้อความข่มขู่น้องชายวัย 19 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 ว่าฟอกเงิน ห้ามบอกใคร ไม่อย่างนั้นจะทำลายอนาคต น้องเป็นคนตั้งใจเรียน พอโดนขู่แบบนี้มา 20 กว่าวันก็รู้สึกเครียดมาก ตนเสียใจมากตรงที่ตนเองอยู่กับน้องที่กรุงเทพฯ แต่ไม่รู้เลยว่าน้องถูกขู่มาตลอด จนเขาโอนเงินไป 800,000 กว่าบาท ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเท่าไร เพราะน้องไม่กล้าบอก ตอนนี้บัญชีของแม่ที่มีเงินเกือบล้านบาทเหลือศูนย์บาท เมื่อโอนแล้วมิจฉาชีพยังสั่งให้ลบแอปฯ ทั้งหมดด้วย ไม่เคยคิดว่าเคสแบบนี้ยังหลอกคนได้อีก
สาเหตุที่น้องตนเชื่อมากๆ เพราะมิจฉาชีพส่งเอกสารราชการมาจริงจัง และข่มขู่มากมาย พร้อมกับอายัดบัญชีธนาคารของน้อง จนน้องหวาดกลัวและเลือกที่จะทำแบบนั้น จึงอยากมาแชร์ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ได้ และยังมีคนโดนอีกเยอะ อยากเตือนทุกคน เพราะน้องก็โตประมาณหนึ่ง ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับน้องตัวเอง

จับบัญชีม้าใช้หลอกเงินเหยื่ออดีตพยาบาลวัย 74 ปี
ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ร่วมกันจับกุมตัว 2 ชายชาวมาเลเซีย และหญิงชาวไทยอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนควบคุมม้า ในข้อหาร่วมขบวนการจัดหาบัญชีม้า พร้อมของกลางเงินสด 485,000 บาท ตำรวจขยายผลถึงแหล่งที่มาของเงินที่โอนเข้าไปยังบัญชีม้า พบว่าเป็นเงินที่โอนมาจากอดีตข้าราชการพยาบาลเกษียณรายหนึ่ง จึงโทรประสานไปทางผู้เสียหาย
แต่ผู้เสียหายกลับไม่เชื่อว่าเป็นตำรวจจริง ตำรวจต้องเดินทางจาก จ.สุราษฎร์ธานี มาประสาน ผกก.สน.บางขุนเทียน เดินทางไปที่บ้านอดีตข้าราช เพื่อชี้แจ้งถึงข้อเท็จจริง และแสดงตัวว่าเป็นตำรวจจริง ไม่ใช่แก๊งคอลเซ็นเตอร์
หญิงผู้เสียหายถูกคอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกปีนี้ถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกสูญเงินกว่า 1 แสนบาท ครั้งที่ 2 สูญเงิน 10 ล้านบาทเศษ ต่อมาวันที่ 1 ก.ย. 68 ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางขุนเทียน ว่าถูกหลอกลงทุนที่ดิน โอนเงินไป 7 ครั้ง เสียหายรวม 10,220,0000 บาท และหลังจากแจ้งความครั้งที่ 2 ไม่ถึงสัปดาห์ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 68 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็นครั้งที่ 3 สูญเงินไปกว่า 500,000 บาท แต่สามารถจับกุมและตรวจยึดเงินคืนผู้เสียหาย 485,000 บาท ซึ่งแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอก แต่เจ้าตัวกลับยังไม่เชื่อ เนื่องจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกว่าเป็นตำรวจอ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด และถูกกำชับว่าไม่ให้บอกใคร จนหลงเชื่อว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นตำรวจจริง
พอตำรวจตัวจริงติดต่อมาก็คิดว่าเป็นตำรวจปลอม ตำรวจจึงต้องเดินทางจาก จ.สุราษฎร์ธานี ไปหาถึงบ้านที่บางขุนเทียน มาอธิบายให้ฟังจนเชื่อว่าถูกหลอก และยอมมาแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย