สวิตเซอร์แลนด์ 1มี.ค.-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ ยูเอ็นเอชซีอาร์ มองไทยมีความน่าเชื่อถือแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค เผย หลายประเทศชื่นชมถ้อยแถลงไทยมีความสมดุล ไม่โอ้อวดหรือเลี่ยงปัญหาย้ำให้ทุกคนเห็นสิ่งที่รัฐบาลทำ และสิ่งที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันทำต่อไป
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประชาชาติ (เอชอาร์ซี) ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับนายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติว่า นายกรันดีถือเป็นเพื่อนของประเทศไทย และเห็นว่าไทยมีบทบาทในเรื่องนี้มาตั้งแต่อดีต เราสามารถมีส่วนช่วยเกื้อหนุนปัญหาผู้ลี้ภัยที่เกิดขึ้นในภูมิภาคได้อย่างมาก ทั้งนี้ได้มีการพูดกันมากเรื่องสถานการณ์ในรัฐยะไข่ซึ่งถือว่าเป็นงานเฉพาะหน้าที่จำเป็นจะต้องเข้าไปดูแล ทั้งยังได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากนานาประเทศว่าจะช่วยกันแก้ไขบรรเทาทุกข์ได้อย่างไร เพราะเป็นที่ประจักษ์ว่ามีผู้ประสบปัญหากว่า 700,000 คน ทั้งนี้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซีอาร์) จะจัดประชุมเพื่อดูว่าจะตอบสนองและดูแลปัญหาในลักษณะที่ยั่งยืนและเกิดผลชัดเจน โดยเขาหวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างกว้างขวางจากนานาประเทศ
นายดอนกล่าวอีกว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์คาดหวังว่าไทยจะช่วยให้เขาบรรลุภารกิจ เนื่องจากเราเป็นเพื่อนบ้านและมีความสนิทสนมในระดับต่างๆกับพม่า ไทยถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและไม่ต้องการเห็นการพลิกผันที่จะทำให้ปัญหาบานปลาย หากได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ก็จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งในแง่มนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และการป้องกันปัญหาที่จะตามมา
“ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยเป็นที่รับรู้ของยูเอ็นเอชซีอาร์ ขณะที่เราก็มีความปรารถนาดีที่อยากเห็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคและในประเทศเพื่อนบ้าน เราอยากเห็นการแก้ไขปัญหาที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และจะพยายามหาทางให้เรื่องบรรเทาเบาบางลงเท่าที่จะทำได้ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีความปรารถนาดีต่อกัน”นายดอนกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่าข้าหลวงใหญ่ยังได้พูดถึงการที่ไทยให้ที่พักพิงกับผู้พลัดถิ่นมานานกว่า 30 ปี ซึ่งถือเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่งคือสิทธิในการดำรงชีพภายใต้ภาวะที่ถูกกดดันและมีปัญหาเรื่องความมั่นคงหรือการเมืองในประเทศจึงต้องหนีออกมา ขณะที่ไทยช่วยดูแลจนกระทั่งเริ่มมีการส่งกลับคนเหล่านี้เมื่อปีที่แล้ว สำหรับไทยสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของวิธีคิดและเป็นสิ่งที่อยู่ในดีเอ็นเอของเราที่จะช่วยคนยากลำบากให้ได้รับการดูแลป้องกันและมีสิทธิของการดำรงอยู่อย่างสมศักดิ์ศรี
เมื่อถามถึงการเดินทางมาร่วมประชุมเอชอาร์ซีว่ามีการตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า การตั้งคำถามเป็นเรื่องของเวทีการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนรายประเทศ(ยูพีอาร์) ซึ่งไทยเพิ่งตอบคำถามจากประเทศสมาชิกไปเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นละเอียดอ่อนมากด้านการเมืองและเป็นเรื่องที่เราตกเป็นเป้ามาตลอด แต่เวทีเอชอาร์ซีเป็นเวทีที่จะให้เราบอกกับทุกประเทศว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งใดที่เราคิดว่ามีความสำคัญ อย่างไรก็ดีอย่าให้มีใครนำปัญหาเหล่านี้ไปบิดเบือน เพราะสิทธิมนุษยชนไม่ใช่สิ่งที่จะใช้โจมตีว่าเป็นปัญหาสถานเดียวเท่านั้น
นายดอนกล่าวว่า สำหรับไทยสิ่งที่อยู่ในถ้อยแถลงและข้อมูลที่ได้กล่าวให้ที่ประชุมเอชอาร์ซีฟังจะยิ่งทำให้คนเข้าใจและเห็นว่าในความเป็นจริงแล้วไทยมีมุมบวกเต็มไปหมด แต่ละมาตรการที่ออกมารวมถึงกฎหมายต่างๆล้วนคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในเพศหรือวัยใด ผู้ที่พิจารณาด้วยความเที่ยงธรรมจะเห็นว่าประเทศไทยมีการดำเนินการที่สมดุลอย่างยิ่งและมีความต่อเนื่อง บางเรื่องยังถือว่าล้ำหน้ากับคนอื่นเสียด้วยซ้ำและได้รับความชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
“ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นแต่ก็ต้องคำนึงถึงการเคารพสิทธิของผู้อื่น และไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ผู้ใดหรือคนกลุ่มใหญ่ หรือสร้างความระส่ำระสายในสังคมเพียงเพราะการกระทำของคนกลุ่มเล็ก สิทธิมนุษยชนไม่ใช่เช็คเปล่าที่ใครจะนำไปใช้ทำอะไรก็ได้”นายดอนกล่าว
นายดอนกล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการกล่าวถ้อยแถลงมีผู้แทนประเทศต่างๆมาแสดงความชื่นชมว่าไทยมีความสมดุลในการนำเสนอ และเขาไม่เคยรู้ว่ามีข้อมูลหลายอย่างที่เราทำและสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศอื่นได้ เอชอาร์ซีถือเป็นเวทีที่เราได้พูดกับโลก เวทีเหล่านี้ไม่ใช่ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไป แต่เมื่อเป็นเวทีที่มีความละเอียดอ่อนทำให้คนส่วนใหญ่มักตั้งใจฟัง
“ผู้แทนแต่ละคนที่ได้เจอชื่นชมว่าไทยแถลงของเรามีความสมดุล ไม่ได้พูดโอ้อวดหรือพูดขาดๆเกินๆ หรือพยายามเลี่ยงปัญหาไปพูดเรื่องอื่น ในทางตรงกันข้ามเราทำให้ทุกคนเห็นทุกด้านที่ประชาชนจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่รัฐบาลทำ และสิ่งที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันทำต่อไป”นายดอนกล่าว.-สำนักข่าวไทย