ตรัง 8 ก.พ.-เจ้าหน้าที่ฯ ช่วยเหลือครอบครัวเด็กหญิงชาวลาววัย 13 ปี ที่ถูกแก๊งยาเสพติดล่อลวงไปข่มขืนและข่มขู่คุกคาม วอนขอส่งกลับประเทศ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้งานป้องกันและนักสังคมสงเคราะห์ เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงชาวลาวอายุ 13 ปี พร้อม มารดาและน้องวัย 1 ขวบ ออกมาจากบ้านของชาวบ้านรายหนึ่ง ซึ่งเป็นพลเมืองดีในพื้นที่ใน ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน หลังรับการแจ้งประสานขอความช่วยเหลือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตรังว่า เด็กหญิงชาวลาววัย 13 ปีรายนี้ ซึ่งได้ติดตามพ่อแม่ มาทำงานรับจ้างอยู่ภายในแปลงเพาะพันธุ์กล้ายางของนายจ้าง ซึ่งเป็นนักการเมืองคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ปะเหลียน แต่ถูกลูกชายของนายจ้างอายุประมาณ 27 ปี ล่อลวงนำไปขายให้กับเอเย่นต์ค้ายารายหนึ่งแลกกับหนี้ค่ายาเสพติดที่ค้างอยู่ประมาณ 100,000 บาท
เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา และครอบครัวได้ไปแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ สภ.ปะเหลียน แต่คดีไม่คืบหน้า ขณะที่พ่อแม่ของเด็กหญิงต้องลาออกจากงาน และไม่มีเงินติดตัว ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จึงต้องเร่ร่อน จนชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ทราบข่าวและสงสาร จึงให้ความช่วยเหลือต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เปลี่ยนที่นอนทุกคืน เนื่องจากถูกข่มขู่และกลัวอิทธิพล โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้ง 3 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้นได้สอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ และนำตัวไปพักพิงอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ตรัง
ด้านมารดาของเด็กเล่าว่า ทำงานเป็นลูกจ้างของนายจ้างมานานกว่า 7 ปี ช่วงเกิดเหตุคือบ่ายของวันที่ 17 มกราคม โดยพาบุตรสาวไปด้วย ขณะที่บุตรสาวอยู่กลางแปลงยาง ลูกชายของนายจ้าง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาแล้วออกอุบายหลอกให้ขึ้นรถ พาไปที่ขนำในสวนยางพาราอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนเป็นชาย 2 คนและหญิง 1 คน นั่งเสพยากันอยู่ ก่อนให้เพื่อนตัวเองข่มขืนลูกสาวตน และพาไปที่บ้านหลังหนึ่ง จนกระทั่งรุ่งเช้า จึงนำมาทิ้งไว้กลางถนน ลูกต้องขอให้ชาวบ้านพาไปหาพ่อแม่ ในวันที่ 18 มกราคมหลังแจ้งความแล้ว คดีไม่คืบหน้า เมื่อไปทวงถาม ตำรวจตอบว่า ถ้าจะเอาผิดคนร้ายให้ได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ปี ทั้งหมดจึงกลัว และเคยมีคนพยายามวิ่งเต้นจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการกลับคำให้การกับตำรวจ ครอบครัวของตนกลัวมากจึงต้องหมุนเวียนเปลี่ยนที่นอนทุกคืน ไม่มีงาน ไม่มีเงิน จึงร้องขอความช่วยเหลือ ไม่อยากอยู่ประเทศไทยแล้ว อยากจะกลับบ้าน กลัวความไม่ปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย