พรรคประชาธิปัตย์ 26 ม.ค.-“อภิสิทธิ์” วอนคสช.ประกาศให้ชัดตรงไปตรงมาว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ชี้หากปล่อยคลุมเครือ ไม่เป็นผลดีประเทศ ห่วงเปิดช่องจัดมหรสพได้ จะสร้างปัญหาอื่นตามมา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.กำหนดให้มีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วันว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะออกมาในรูปนี้ แต่ประเด็นหลักคือคสช.และรัฐบาลจะต้องตระหนักว่าควรทำให้เกิดความเชื่อมั่น หากจำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ก็ควรประกาศให้ชัดตรงไปตรงมา เพราะเหตุผลที่ต้องขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป ไม่สะท้อนความจริงที่เป็นผลมาจากการไม่ปลดล็อคทางการเมืองของคสช. ดังนั้นความไม่แน่นอนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาลและประเทศ และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เนื่องจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ได้
“วันนี้คุณวิษณุบอกว่า ไม่มีใครสมควรที่บังอาจจะพูดว่าอะไร เมื่อไหร่ ดังนั้นยังไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ เราก็ดูตามที่เขียนในกฎหมายได้ในตอนนี้ แต่ขณะเดียวกันถ้ามาตรา 44 สามารถที่จะถูกเอาออกมาใช้ทุกเมื่อ เพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ความแน่นอนก็ไม่เกิด ยกเว้นคสช.แสดงเจตนารมณ์ให้ชัด ผมว่าคสช.จะต้องพูดให้ชัดว่า คำว่าโรดแมปไม่ใช่ยืดได้ หดได้ตลอดเวลา ตกลงคสช.ต้องการให้ประเทศไทยเดินตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบ เมื่อไหร่ อย่างไร และมีเหตุผลอะไรบ้างที่อาจจะไม่เป็นไปตามนั้น และต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุผลที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เท่านั้นเอง จะเกิดความมั่น ความน่าเชื่อถือ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับในส่วนของพรรค เมื่อกติกาออกมาอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และยืนยันมาตลอดว่าพร้อมปฏิบัติ รวมทั้งกรณีการทำไพรมารี่โหวต ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสนช.ว่าพรรคการเมืองไม่อยากทำ แต่เห็นว่าหากทำตามคำสั่งคสช.ที่ออกมา จะกลายเป็นเพียงแค่พิธีกรรม ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และปมทั้งหมดอยู่ที่คสช.ยังไม่ยอมให้การปฏิบัติตามกฎหมายเดินไปตามปกติ เพราะคสช.ยังมีคำสั่งที่ขัดกันเองอยู่ ห้ามทำในเรื่องที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่น
สำหรับกรณีที่เปิดให้สามารถจัดมหรสพในการปราศรัยหาเสียงได้และถูกมองว่าพรรคการเมืองใหญ่ได้เปรียบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องว่าพรรคใหญ่หรือพรรคเล็กได้เปรียบ แต่เป็นเรื่องที่ควรมาประเมินว่าวิธีการจูงใจให้คนมาฟังการปราศรัยหรือทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยวิธีนี้ จะเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายอยากจะเห็นหรือไม่ และหากเปิดให้มีมหรสพได้ จะมีความยุ่งยากอย่างแน่นอน เพราะจะมีปัญหาเรื่องการประเมินมูลค่าว่าการแสดงแต่ละครั้ง แต่ละคนเป็นอย่างไร และยังมีกรณีที่ศิลปินที่มีชื่อเสียงมีสังกัดเป็นธุรกิจ อาจจะมีเรื่องอำนาจรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไม่ง่ายในการควบคุมดูแล และจะเกิดปัญหาอื่นตามมา.-สำนักข่าวไทย