เชียงใหม่ 25 ธ.ค. – ผู้ว่าฯ ธปท.เผยนโยบายการเงินปี 2561 ยังผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อหนุนเศรษฐกิจไทยให้โตเข้มแข็ง ชี้แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแต่ดอกเบี้ยไทยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นตาม และไม่กังวลหากเงินทุนไหลออก
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า นโยบายการเงินปี 2561 ยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเข้มแข็งมากกว่า ประกอบไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อมากนัก เพราะคาดว่าเงินเฟ้อจะค่อย ๆ ปรับขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ดอกเบี้ยนโยบายไทยก็ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นตามประเทศเศรษฐกิจหลัก เพราะนโยบายการเงินของแต่ละประเทศต้องตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ เป็นหลัก
ส่วนความกังวลหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยจะมีเงินทุนไหลออกจากประเทศไทยนั้น นายวิรไท กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอาจจะมีเงินไหลออกบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาเงินทุนต่างชาติน้อยกว่าประเทศเกิดใหม่อื่น ๆ แต่ ธปท.ไม่ประมาท โดยยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เงินเฟ้อโลกปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาด เช่น ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับขึ้น หากเงินเฟ้อโลกปรับขึ้นเร็ว ธปท.ก็ต้องมาพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยด้วย
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2561 เป็นขยายตัวร้อยละ 3.9 จากเดิมร้อยละ 3.8 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นร้อยละ 9.3 จากร้อยละ 8 มาจากการค้าระหว่างประเทศมีการเติบโตดี ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ส่วนการบริโภคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังเริ่มเห็นสัญญาณการขยายกำลังการผลิตของภาคธุรกิจหลายราย แต่รายได้และการจ้างงานยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น แรงงานมีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของนายจ้าง ส่วนการลงทุนภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญหลักผลักดันเศรษฐกิจไทยปีหน้า
สำหรับความเสี่ยงและความท้าทายสำหรับเศรษฐกิจไทย มาจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึงอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภค ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ และการปรับนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักเข้าสู่ระดับปกติ
ส่วนทิศทางสถาบันการเงินปี 2561 ยังให้ความสำคัญในการแข่งขันด้านนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งธนาคารต้องมีการปรับปรุงสาขาเพื่อให้เข้ากับการบริการทางการเงินสำหรับลูกค้าแต่ละประเภท โดยสามารถใช้เพย์เม้นท์ เอเจนท์ เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้สาขา โดยธนาคารต้องควบคุมความเสี่ยงของเพย์เม้นท์ เอเจนท์ เหล่านี้ด้วย
ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ของระบบสถาบันการเงิน หลังจาก ธปท.ออกมาตรการควบคุมวงเงินการให้สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันนั้น ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า คุณภาพหนี้ดีขึ้น ประกอบกับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงมีความแข็งแกร่งและความสามารถในการหารายได้ของธนาคารมีการเติบโตที่ดี ดังนั้น มองว่าปี 2561 ธนาคารพาณิชย์จะไม่มีปัญหาหนี้อ่อนแอเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ปรับกระบวนการการปล่อยสินเชื่อที่มีความระมัดระวังมากขึ้นและกระจายการปล่อยสินเชื่อในหลายอุตสาหกรรม.-สำนักข่าวไทย