กทม. 22 ธ.ค.-โครงการรับจำนำข้าว นโยบายของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่อดีตรัฐมนตรีถูกศาลตัดสินจำคุก และอดีตนายกรัฐมนตรีหนีคดี ติดตามจากรายงานของทีมข่าวการเมือง ในมองอดีต มองอนาคต
ในปี 2557 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมข้าราชการระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ และเอกชนรวม 28 ราย ในคดีการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี
การพิจารณาคดีใช้เวลา 2 ปีกว่า ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคม เช้าวันที่ 25 สิงหาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เดินทางมาศาล ท่ามกลางกระแสข่าวหลบหนีออกนอกประเทศ ขณะที่ทนายความแจ้งต่อศาลว่าอดีตนายกรัฐมนตรีป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา ศาลไม่อนุญาต และให้ออกหมายจับ ริบเงินประกัน 30 ล้านบาท เลื่อนฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 27 กันยายน ศาลตัดสินจำคุกนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมสั่งออกหมายบังคับมารับโทษด้วย
แม้นางสาวยิ่งลักษณ์จะยืนยันความบริสุทธิ์มาโดยตลอดเวลา 2 ปี 6 เดือน ที่ได้วนเวียนขึ้นศาลแห่งนี้ เพื่อสู้คดีและมาตามนัดเกือบทุกครั้ง แต่สุดท้ายในวันตัดสินไร้เงานางสาวยิ่งลักษณ์ จวบจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีใครทราบว่าไปอยู่ที่ใด
ส่วนคดีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ศาลตัดสินจำคุกนายบุญทรง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 42 ปี นายภูมิ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 36 ปี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง 48 ปี และให้บริษัทสยามอินดิก้า พร้อมพวก ชดใช้ค่าเสียหาย 16,000 ล้านบาท
บทเรียนจากโครงการรับจำนำข้าว ทำให้สังคมรู้ว่าข้อมูลข่าวสารกับการรับรู้เป็นเรื่องสำคัญ และต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้สร้างกลไกตรวจสอบการทุจริตอย่างเข้มข้น และจะทำให้รัฐบาลในอนาคตถูกบังคับให้อยู่ใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด
มุมมองจากนักวิชาการเห็นว่าเราได้บทเรียนหลายเรื่องจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเฉพาะการเลือกพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด แต่ไม่ได้สนใจว่าพรรคการเมืองจะทำได้จริงหรือไม่ ขณะที่พรรคการเมืองควรใส่ข้อจำกัดและกรอบการจ่ายเงินในการดำเนินนโยบายประชานิยมไว้ให้ชัดเจน และรัฐบาลต้องมีความโปร่งใสในการดำเนินนโยบาย
สำหรับตัวเกษตรกรเองยังคงต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น หากจะยกเลิกไปเพราะปัญหาทุจริตก็ไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วย โครงการรับจำนำข้าวทำให้ทุกคนมองเห็นถึงผลเสียของนโยบายประชานิยม ในอนาคตจะมีวิธีป้องกันอย่างไร และพรรคการเมืองจะนำนโยบายประชานิยมมาเป็นจุดขายอีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้หากไม่ต้องการซ้ำรอยเดิม.-สำนักข่าวไทย