นิวยอร์ก 29 ก.ค. – รัฐมนตรีสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้กำกับนโยบายภาษีศุลกากร และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านโยบายได้ผล
นายฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ว่าคณะเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ได้เดินทางไปพบเขา และนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ที่สกอตแลนด์ หวังได้ข้อตกลงเรื่องภาษีศุลกากร แต่ผู้ที่กำกับนโยบายนี้ คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มีไพ่ทั้งหมดในมือ และเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะขึ้นภาษีในอัตราเท่าใด แต่ละประเทศจะต้องเปิดตลาดให้แก่สหรัฐมากน้อยเพียงใด และทุกอย่างจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ นายลัตนิคกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านโยบายภาษีศุลกากรของเขาถูกต้องแล้วและได้ผล
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ประกาศในวันเดียวกันว่า คู่ค้าส่วนใหญ่ที่ไม่ได้แยกเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐจะถูกเก็บภาษีสินค้าที่ส่งออกมาสหรัฐในอัตราร้อยละ 15-20 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม สูงกว่าอัตราถ้วนหน้าร้อยละ 10 ที่นายทรัมป์ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายน และมีหลายประเทศที่ถูกสหรัฐประกาศเก็บภาษีสูงไปแล้ว เช่น บราซิล ที่ถูกเก็บถึงร้อยละ 50 ขณะที่หลายประเทศกำลังหาทางเจรจาเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่ลดลง หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

ส่วนเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ผู้นำสหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่กับสหภาพยุโรป หรืออียู โดยสหรัฐจะเก็บภาษีร้อยละ 15 กับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จากอียู ขณะที่อียูจะลงทุน 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 19.48 ล้านล้านบาท) ในสหรัฐ และจะซื้อพลังงานสหรัฐมูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24.35 ล้านล้านบาท) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยที่อียูได้ภาษีอัตราเดียวกับญี่ปุ่นที่รับปากลงทุนในสหรัฐ 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17.86 ล้านล้านบาท).-814.-สำนักข่าวไทย