นนทบุรี 8 ก.ย.-สหกรณ์ออมทรัพย์ กฟผ.จัดเสวนาครบรอบ 46 ปี จัดสัมมนา “ปลดล็อกข้อจำกัดและทางรอดสหกรณ์ยุคใหม่” เรียกร้องยกเลิกกฎกระทรวง ฝากหรือลงทุนนิติบุคคลต่อแห่งได้ไม่เกิน 10% ของทุนเรือนหุ้นบวกทุนสำรอง ชี้กรมส่งเสริมสหกรณ์แทรกแซงกิจการภายในสหกรณ์มากเกินจำเป็น
สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สกา.กฟผ.) จัดสัมมนาวิชาการประจำปี 2568 หัวข้อ “ปลดล็อกข้อจำกัดและทางรอดสหกรณ์ยุคใหม่” เนื่องในโอกาสครบรอบ 46 ปี พร้อมก้าวสู่ปีที่ 47 อย่างยั่งยืน โดยมีผู้แทนสหกรณ์ต่างๆ และประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ อสมท จำกัด เข้าร่วมงาน
การสัมมนาครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกฎกระทรวงการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. 2567 ที่ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องการฝากเงินและการลงทุน สำหรับสหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์มีสภาพคล่องทางการเงินสูงและมีการลงทุนตามมาตรา 62 โดยกำหนดให้สหกรณ์ฯ สามารถฝากหรือลงทุนนิติบุคคลต่อแห่งได้ไม่เกิน 10% ของทุนเรือนหุ้นบวกทุนสำรองของสหกรณ์ โดยกำหนดบทเฉพาะกาลไว้ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 สหกรณ์ฯที่ฝากเงินหรือลงทุนในนิติบุคคลต่อแห่งเกิน 10 % สามารถจัดทำแผนเพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนได้ภายใน 5 ปี และในช่วงแรกของการปรับตัวอาจยังกำหนดแผนให้มีการซื้อเข้าขายออกได้ตามปกติ แต่ต้องไม่เกินยอดเดิมของนิติบุคคลนั้น ส่วนกรณีที่ 2 สหกรณ์ที่ลงทุนเกินกว่าทุนเรือนหุ้นบวกทุนสำรอง จะมีวิธีการให้เวลาในการปรับตัวในลักษณะเดียวกันกับกรณีที่ 1 ได้ภายใน 10 ปี และสหกรณ์สามารถเพิ่มทุนเรือนหุ้นได้ทุกเดือน
และเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 กรมส่งเสริมสหกรณ์ประชุมร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง จำกัด เพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องผลกระทบจากกฎกระทรวงการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. 2567 โดยได้เสนอให้ปรับปรุงกฎกระทรวง เรื่องกำหนดเพดานการลงทุนในนิติบุคคลที่เป็นรัฐวิสาหกิจกับนิติบุคคลอื่นให้แยกกัน และการกำหนดสัดส่วนเพดานการลงทุนของสหกรณ์ไม่เกินทุนเรือนหุ้นรวมกับทุนสำรอง โดยพิจารณาให้นำทุนเรือนหุ้น ทุนสำรอง และเงินรับฝากจากสมาชิก และต้องเป็นเงินที่เหลือจากการบริหารสมาชิกแล้วมาลงทุนได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้สหกรณ์ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาแต่อย่างใด
ขณะที่ ร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. … รวมถึงคำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การให้เงินกู้แก่สมาชิกอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ได้กำหนดระเบียบให้สหกรณ์ถือปฏิบัติ ส่งผลให้สมาชิกเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น
นายชาติชาย โรจนรัตนางกูร ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ กฟผ. เปิดเผยว่าการสัมมนาครั้งนี้ ต้องการสร้างความรู้ ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวให้กับสมาชิก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการปลดล็อกข้อจำกัดที่มีอยู่ โดยขอให้หน่วยงานกำกับดูแลสหกรณ์เร่งดำเนินการยกเลิกกฎกระทรวงการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. 2567 ตามที่มีการประชุมหารือเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่มิได้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสภาพการดำเนินงานของสหกรณ์ในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับสมาชิกในการออมเงินและสหกรณ์ในการดำเนินการ
ทั้งนี้ มองว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ได้กำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานภายในเพื่อบริหารความเสี่ยงและกำกับดูแลการดำเนินงานอย่างชัดเจนแล้ว การบังคับใช้กฎเกณฑ์เข้มงวดจากภายนอกอาจส่งผลให้สหกรณ์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือสมาชิกได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ยังเห็นว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ แทรกแซงรายละเอียดการปฏิบัติงานภายในของสหกรณ์มากเกินความจำเป็น ซึ่งการเข้าไปกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติงานโดยตรง ไม่เพียงแต่ลดความคล่องตัวของสหกรณ์ ยังบั่นทอนสิทธิ อำนาจ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการดำเนินการ.-616.-สำนักข่าวไทย