กรุงเทพฯ 7 ธ.ค. – กรุงศรี คาดเงินบาทปี 61 มีโอกาสทำสถิติใหม่แข็งค่าสุดรอบ 4 ปี ที่ 31.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
นายตรรก บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทในปี 2561 ยังผันผวน โดยในช่วงครึ่งปีแรก มีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 32.30-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวระหว่าง 31.75-32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทที่ระดับ 31.75บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นระดับที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปี หากนักลงทุนผิดหวังจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นไปตามที่คาด
โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้น 2 ครั้ง ประมาณร้อยละ 0.50 ในปี 2561 หรือ ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เงินทุนต่างชาติอาจะไหลกลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนคาดหมายว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีหลัง จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 1.50 เพราะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจน และ แนวโน้มเงินเฟ้อปรับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.7
ส่วนการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี 2560 มีกรอบเคลื่อนไหวที่ 32.50-33.00 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยต้องติดตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในช่วงเดือนนี้ และความคืบหน้ามาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรป เอเชีย และ ไทย
“ เงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2560 แข็งค่าขึ้นร้อยละ 9.64 อยู่ในอันดับ 3 รองจากเงินวอนเกาหลีใต้ที่แข็งค่าสุดที่ร้อยละ 11.22 เงินริงกิต มาเลเซีย แข็งค่าร้อยละ 9.66 ซึ่งเงินบาทในปีหน้า ยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง ดังนั้นขอให้ผู้ประกอบการส่งออก และเอสเอ็มอี ต้องป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าเพราะไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางเงินบาทได้ และเพื่อไม่ให้กระทบกำไร” นายตรรก กล่าว.- สำนักข่าวไทย