กรุงเทพฯ 26 เม.ย.–ธ.กรุงศรีอยุธยา เผยกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจปี 2567 ตอกย้พความเป็นผู้นำธนาคารพันธมิตรกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ สร้างความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม หนุนสตาร์ทอัพเติบโต พร้อมเชื่อมต่อโอกาสลงทุนในอาเซียน
นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติประสบความสำเร็จในการส่งมอบผลการดำเนินงานอย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยยังคงครองความเป็นผู้นำในการเป็นธนาคารหลักสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็ทำงานร่วมกับ MUFG ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศทั่วโลก เพื่อส่งมอบโซลูชันที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ หรือองค์ความรู้ต่างๆ รวมถึงเปิดเวทีสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนผ่านการจัดงานสัมมนา และการจับคู่ทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มลูกค้าที่ครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมหนักอย่างธุรกิจพลังงาน โลหะ ผลิตภัณฑ์เคมี ไปจนถึงอุตสาหกรรมเบาอย่างผู้ให้บริการทางการเงิน แพลตฟอร์มการบริการจัดส่งพัสดุ สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 ยังคงสานต่อเป้าหมายในการเป็นธนาคารพันธมิตรที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ ในการดำเนินงาน 4 ด้าน ประกอบด้วย
1. เร่งส่งเสริมระบบนิเวศด้านความยั่งยืน (ESG Ecosystem) ให้กับสังคมไทย โดยอาศัยจุดแข็งในการมีความรู้ ความชำนาญในด้าน ESG ผ่านความร่วมมือกับ MUFG เพื่อนำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
2. ต่อยอดความร่วมมือเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) โดยจะขยายความร่วมมือเพิ่มเติมกับ สปป. ลาว และเวียดนาม เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่เอื้อต่อสังคม ชุมชน ทั้งในไทยและอาเซียน โดยปีนี้จะมีการจัดงาน Japan-ASEAN Startup Business Matching อย่างต่อเนื่อง
3. ขยายฐานลูกค้าบรรษัทข้ามชาติจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก (East Asian Economies) ด้วยพื้นฐานและปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในประเทศไทย ทั้งความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลี
4. ยกระดับบริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจ Krungsri ASEAN LINK เชื่อมทุกความต้องการทำธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
“เราเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถอันโดดเด่นและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติสามารถคว้าโอกาสและขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่วิถีแห่งความยั่งยืน และช่วยผลักดันให้เกิดความยั่งยืนทางศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศต่อไป” นายโอคุโบะ กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย