กรุงมะนิลา 14 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดียเสนอให้ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเร่งจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และขยายความร่วมมือด้านสารสนเทศให้มากขึ้น
“เพ็ญพร พิพัฒโนภัย” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน ที่ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย โดยยินดีที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี กลับมาเข้าร่วมการประชุมกับอาเซียนอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่พิเศษอย่างมาก เพราะเป็นปีที่ 25 ของความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย และ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและอินเดีย และนายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย สมัยพิเศษ ในวันที่ 25 มกราคม 2561 ที่กรุงนิวเดลี และงานวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ปีที่ 69 ในฐานะแขกเกียรติยศ ขณะที่ ปีหน้า ไทยจะรับตำแหน่งประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยอาเซียนพร้อมส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนในเชิงสร้างสรรค์กับอินเดีย
ทั้งนี้อาเซียนชื่นชมนโยบาย “มุ่งตะวันออก” (Act East Policy) ของนายกรัฐมนตรีโมดี ที่เสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมกับเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทุกมิติ ขณะที่อินเดียประสงค์จะเชื่อมโยงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียกับอาเซียน ผ่านเมียนมาและไทย และในอนาคตจะไปถึง สปป. ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ผ่านโครงการ Trilateral Highway เช่นเดียวกับอาเซียนที่จะสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคอย่างเป็นระบบ และไร้รอยต่อ
ในด้านเศรษฐกิจอาเซียนและอินเดีย ยังขาดกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตัวเลขการค้า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2565 จึงเห็นว่า อาเซียนและอินเดียควรส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเร่งจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และควรขยายความร่วมมือด้านสารสนเทศให้มากขึ้น เพราะเป็นสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ
นายกรัฐมนตรี เสนอว่า อาเซียนกับอินเดีย ควรสนับสนุนพิจารณาจัดตั้งเครือข่ายที่เน้นการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเข้าใจด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน.-สำนักข่าวไทย