กทม. 28 ก.ย.- วิ่งหน้าตั้ง! แซวสนั่นโซเชียล เมื่อนักข่าวสาวสำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD วิ่งไม่คิดชีวิต หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาตัดสินจำคุก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายบังคับคดีนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT HD เลข 30 รายงานสดช่วงข่าวต้นชั่วโมง จากสำนักข่าวไทย ขณะที่ สุธิดา ปล้องพุดชา ผู้ประกาศข่าว รายงานข่าว ดาวี ไชยคีรี ผู้สื่อข่าวอาวุโส สำนักข่าวไทย ที่เข้าไปฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี วิ่งพรูออกจากประตูศาลพร้อมเอกสารข่าว เพื่อรายงานข่าว ด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ เพราะวิ่งออกจากศาลมาหมาดๆ มารายงานผลการตัดสินได้เร็วที่สุดให้ผู้ชม เหตุเพราะศาลไม่อนุญาตให้นักข่าวนำอุปกรณ์สื่อสารใดๆ เข้าไปในห้องพิจารณาคดี นักข่าวจึงต้องวิ่งหน้าตั้งเพื่อมาส่งข่าวกันทุกสำนัก
ด้าน นายสุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ ผู้ประกาศสำนักข่าวไทยอีกคน นำภาพและคลิปข่าวดังกล่าว โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว มีคนแชร์ภาพและยังได้รับเสียงชื่นชมและแซว ว่าวิ่งเร็วเหมือนนักวิ่งลมกรด 4 คูณ 100 ถูกให้ฉายา “นักข่าว 4 คูณ 100″ ชั่วข้ามคืน
“ดาว ดาวี ไชยคีรี” ผู้สื่อข่าวอาวุโส วัย 36 ปี สำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD ได้บอกเล่ากับทาง tnamcot.com ตลอดชีวิตการทำงานเป็น ปกติ ลุ้นระทึกกับการรายงานข่าวในสถานการณ์แบบนี้ อย่างไรบ้าง
– ก็มีวิ่งหนี ช่วงม็อบพันธมิตร 2551 ปีนกำแพงรัฐสภาหนี และวิ่งหนีแก๊สน้ำตาออกไปตามถนนผ่านหน้าสวนดุสิต
ช่วงม็อบ นปช. ปี2553 ที่มี m79 ตรงแถวศาลาแดง กับตอนปิดเวทีราชประสงค์ ที่ต้องวิ่งปืนรั้วหนี เพราะมีเสียงปืนและมีคนกำลังเผาเซ็นทรัลเวิล์ด ถามถึงความลุ้น!! มีลุ้นหลายอย่าง ตอน 25 ส.ค. ก็ลุ้นที่ยิ่งลักษณ์ไม่มาศาล วันนั้นอ่านข้างนอกไม่ได้วิ่งเอง แต่คนละอารมณ์กับเมื่อวานนี้คดียิ่งลักษณ์เลยค่ะ
————–
ทั้งนี้ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ถึงเบื้องหลังการทำงานที่รวดเร็ว ถูกต้อง มืออาชีพ อย่างหมดเปลือกอีก พร้อมให้แง่คิดในการทำงานข่าว ว่า… คลิกต่อ > http://nineentertain.tv/view/59ccfa57e3f8e4e10d07ab91
บทสัมภาษณ์
รู้ก่อนหรือไม่ว่ามีการรายการสดอยู่ด้านหน้าศาล
– ไม่ทราบเลย ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวไทย ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรายงานข่าวนี้ ว่าจะต้องรายงานสดทันทีเมื่อทราบผล แต่ในช่วงที่เข้าไปฟังคำพิพากษา ไม่สามารถที่จะพกโทรศัพท์ เครื่องอัดเสียง ใดๆเข้าไปได้เลย ตลอดเวลาที่นั่งฟัง 4 ชั่วโมง ก็ได้จดข้อความสำคัญไปด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีเอกสารของศาลแจกหรือไม่ และไม่รู้เลยว่าด้านนอกกำลังรายการสดในช่วงข่าวต้นชั่วโมงอยู่
ตอนนั้นไม่รู้แล้วเหตุใดจึงต้องวิ่งไม่คิดชีวิตขนาดนั้น
– คือเพราะแผนที่วางไว้คือพอรู้คำพิพากษาต้องรายงานสดทันที ตอนนั้นผู้สื่อข่าวทุกคนที่เข้าไปฟังต่างก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกันหมด เราเองก็เช่นกัน พอวิ่งออกไปเจอแผงกั้นถนนอีก เลยต้องวิ่งอ้อมภาพที่เห็นเลยออกมาฉุกละหุก ระหว่างนั้นมองไปเห็นทีมงานที่รถถ่ายทอดสด ก็คิดว่า ผู้ประกาศเตรียมตัวเข้ารายการเลยรีบตะโกนบอกพร้อมส่งเอกสารที่ได้มา เพราะคิดว่าผู้ประกาศจะได้อ่านทำความเข้าใจก่อนเข้าสด แต่มันไม่ใช่ กลายเป็นว่าช่วงนั้นถ่ายทอดสดอยู่แล้ว
แล้วรู้หรือไม่ว่าต้องเข้าไปร่วมรายการด้วย
– ไม่รู้เลย พอส่งเอกสารให้เสร็จ พี่โปรดิวเซอร์(พิษณุ แป้นวงศ์) ก็บอกว่าเปลี่ยนแผนให้เข้าไปรายงานด้วยเลย โอ๊ย..ตอนนั้นหน้าก็ไม่ได้แต่ง วิ่งมา ประมาณ 100 เมตร เราตัวใหญ่ น้ำหนักก็เยอะ เหนื่อย หอบไปอีก น้องผู้ประกาศก็คาดหวังว่าเราออกมาพร้อมคำพิพากษา เราก็ต้องรวบรวมสติ ในขณะที่ด้านหลังคนอื่นก็ยังวิ่งกันอยู่
รู้สึกอย่างไรที่มีกระแสชื่นชมเข้ามาอย่างมาก
– ขอบคุณมาก เราก็พยายามทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ข่าวนี้เป็นข่าวที่สังคมอยากทราบ อีกทั้งเรายังต้องแข่งกับสื่อโซเชียล ในขณะที่เวลาอยู่ในศาลเราไม่สามารถรายงานสดออกมาได้ ที่สำคัญนอกจากจะเร็ว ยังต้องให้ข้อเท็จจริง ครบถ้วน ถูกต้อง พอมีคนแชร์ภาพออกไป สื่อมวลชนกันเองก็แซว เพื่อนๆก็ฮาแล้วขำ ตัวเราเองช่วงเวลานั้นซีเรียส แต่พอมาย้อนดูแล้วก็ขำเหมือนกัน
ที่ผ่านมาในการทำงานข่าวเคยเจอเหตุการณ์อะไรที่ตื่นเต้นแบบนี้หรือไม่
– หลายครั้งมาก ด้วยความที่เราเป็นผู้สื่อข่าวการเมือง ที่ผ่านมาอยู่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนม็อบ นปช. ตอนนั้นต้องไปประจำที่จุดเซ็นทรัลเวิลด์ เจอทั้งเหตุการณ์เผาเมือง ต้องหนีระเบิด วิ่ง ปืนรั้วผ่านมาหมด แต่ก็จะคนละแบบกับเหตุการณ์ที่หน้าศาล
ย้อนกลับไปอยากให้เล่าว่าก้าวมาทำงานข่าวได้อย่างไร
– ถึงวันนี้ก็ 14 ปีแล้ว ย้อนกลับไปตอนที่เรียนจบใหม่ๆ เป็นเด็กที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร พอได้โอกาสเริ่มต้นทำงานที่สถานีวิทยุไอเอ็นเอ็นก็ลองทำดูแล้วก็รู้สึกสนุก เป็นงานที่ไม่จำเจ มีความท้าทาย คนละอารมณ์กับการทำงานในออฟฟิศ ลองทำมาเรื่อยๆ ทำอยู่ตรงนั้นได้ 4 ปีก็ย้ายมาทำงานกับสำนักข่าวไทย ปีนี้ก็ 10 ปีแล้ว เราอยู่สายงานนี้ไม่ได้ทำงานการเมืองอย่างเดียว บางคร้ังยังได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวเหตุการณ์ทางการเมือง น้ำท่วม วิกฤติต่างๆ ได้เจออะไรหลายๆอย่าง
เป็นผู้หญิงกลัวหรือไม่ ดูงานการเมืองจะซับซ้อนและสุ่มเสี่ยง
– ก่อนหน้านี้ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ทั้งปืนกำแพง รั้ว เจอระเบิด ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้เริ่มเข้าใจคำว่ามีคนรออยู่ข้างหน้า ก็จะคิดก่อน แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีอะไรหดหู่ไปกว่าการรายงานข่าวในช่วงม็อบที่มีเหตุคนตายจำนวนมาก ทำงานท่ามกลางความเครียด
คิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในการทำงานข่าว
– จะต้องถูกต้อง ข้อเท็จจริงต้องครบถ้วน ไม่บิดเบือน เมื่อก่อนไม่มีสื่อโซเชียล ข้อมูลจะเป๊ะ เดี๋ยวนี้เราต้องสู้กับสงครามโซเชียล เราต้องหาข้อมูล ข้อเท็จจริงมายืนยัน เพราะมีข้อมูลบิดเบือนกันเยอะ
มองเป้าหมายในการทำอาชีพนี้ไว้อย่างไร
– การทำข่าวมีเสน่ห์ ยังคงอยากทำไปเรื่อยๆ เป็นความท้าทาย เป็นงานที่มีอะไรให้ลุ้นตลอด เรายังสนุกกับอะไรใหม่ๆ ในวิชาชีพ โดยที่เราคาดเดาไม่ได้
ฝากอะไรถึงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากมาทำงานในสายอาชีพนี้
– เด็กรุ่นใหม่บางคนอยากจะมาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว เพราะอยากมีชื่อเสียง อยากมาอยู่หน้าจอ อยากมีตัวตน เพื่อต่อยอดไปทำงานด้านอื่น อยากจะบอกว่ากว่าจะมายืนตรงนี้ได้ ต้องสั่งสมประสบการณ์ ความสามารถ ไม่อยากให้มองอาชีพนี้ฉาบฉวย อยากให้มาด้วยความชอบจริงๆ และทำหน้าที่ตัวเองอย่างสุดความสามารถอยู่ในจรรยาบรรณอาชีพนี้
และนี่คือคำทิ้งท้ายจากนักข่าวตัวจริง ตามแนวคิดที่ว่า “เป็นกลาง น่าเชื่อถือ มืออาชีพ”