วิ่งหน้าตั้ง! รู้จัก ”ดาวี” นักข่าวสาว 4X100 สำนักข่าวไทย



กทม. 28 ก.ย.- วิ่งหน้าตั้ง! แซวสนั่นโซเชียล เมื่อนักข่าวสาวสำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD วิ่งไม่คิดชีวิต หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาตัดสินจำคุก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ออกหมายบังคับคดีนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษา  เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา 

สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 MCOT HD เลข 30 รายงานสดช่วงข่าวต้นชั่วโมง จากสำนักข่าวไทย ขณะที่ สุธิดา ปล้องพุดชา ผู้ประกาศข่าว รายงานข่าว  ดาวี ไชยคีรี ผู้สื่อข่าวอาวุโส สำนักข่าวไทย ที่เข้าไปฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี วิ่งพรูออกจากประตูศาลพร้อมเอกสารข่าว เพื่อรายงานข่าว ด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ เพราะวิ่งออกจากศาลมาหมาดๆ มารายงานผลการตัดสินได้เร็วที่สุดให้ผู้ชม เหตุเพราะศาลไม่อนุญาตให้นักข่าวนำอุปกรณ์สื่อสารใดๆ เข้าไปในห้องพิจารณาคดี นักข่าวจึงต้องวิ่งหน้าตั้งเพื่อมาส่งข่าวกันทุกสำนัก



ด้าน นายสุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ ผู้ประกาศสำนักข่าวไทยอีกคน นำภาพและคลิปข่าวดังกล่าว โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว มีคนแชร์ภาพและยังได้รับเสียงชื่นชมและแซว ว่าวิ่งเร็วเหมือนนักวิ่งลมกรด 4 คูณ 100 ถูกให้ฉายานักข่าว 4 คูณ 100″ ชั่วข้ามคืน

 


“ดาว ดาวี ไชยคีรี” ผู้สื่อข่าวอาวุโส วัย 36 ปี สำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD ได้บอกเล่ากับทาง tnamcot.com ตลอดชีวิตการทำงานเป็น ปกติ ลุ้นระทึกกับการรายงานข่าวในสถานการณ์แบบนี้ อย่างไรบ้าง 

– ก็มีวิ่งหนี ช่วงม็อบพันธมิตร 2551 ปีนกำแพงรัฐสภาหนี และวิ่งหนีแก๊สน้ำตาออกไปตามถนนผ่านหน้าสวนดุสิต

ช่วงม็อบ นปช. ปี2553 ที่มี m79 ตรงแถวศาลาแดง กับตอนปิดเวทีราชประสงค์ ที่ต้องวิ่งปืนรั้วหนี เพราะมีเสียงปืนและมีคนกำลังเผาเซ็นทรัลเวิล์ด ถามถึงความลุ้น!! มีลุ้นหลายอย่าง ตอน 25 ส.ค. ก็ลุ้นที่ยิ่งลักษณ์ไม่มาศาล วันนั้นอ่านข้างนอกไม่ได้วิ่งเอง แต่คนละอารมณ์กับเมื่อวานนี้คดียิ่งลักษณ์เลยค่ะ

————–

ทั้งนี้ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” ถึงเบื้องหลังการทำงานที่รวดเร็ว ถูกต้อง มืออาชีพ อย่างหมดเปลือกอีก พร้อมให้แง่คิดในการทำงานข่าว ว่า… คลิกต่อ > http://nineentertain.tv/view/59ccfa57e3f8e4e10d07ab91

บทสัมภาษณ์


รู้ก่อนหรือไม่ว่ามีการรายการสดอยู่ด้านหน้าศาล

ไม่ทราบเลย ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวไทย ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรายงานข่าวนี้ ว่าจะต้องรายงานสดทันทีเมื่อทราบผล แต่ในช่วงที่เข้าไปฟังคำพิพากษา ไม่สามารถที่จะพกโทรศัพท์ เครื่องอัดเสียง ใดๆเข้าไปได้เลย ตลอดเวลาที่นั่งฟัง 4 ชั่วโมง ก็ได้จดข้อความสำคัญไปด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีเอกสารของศาลแจกหรือไม่ และไม่รู้เลยว่าด้านนอกกำลังรายการสดในช่วงข่าวต้นชั่วโมงอยู่


ตอนนั้นไม่รู้แล้วเหตุใดจึงต้องวิ่งไม่คิดชีวิตขนาดนั้น

คือเพราะแผนที่วางไว้คือพอรู้คำพิพากษาต้องรายงานสดทันที ตอนนั้นผู้สื่อข่าวทุกคนที่เข้าไปฟังต่างก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกันหมด เราเองก็เช่นกัน พอวิ่งออกไปเจอแผงกั้นถนนอีก เลยต้องวิ่งอ้อมภาพที่เห็นเลยออกมาฉุกละหุก ระหว่างนั้นมองไปเห็นทีมงานที่รถถ่ายทอดสด ก็คิดว่า ผู้ประกาศเตรียมตัวเข้ารายการเลยรีบตะโกนบอกพร้อมส่งเอกสารที่ได้มา เพราะคิดว่าผู้ประกาศจะได้อ่านทำความเข้าใจก่อนเข้าสด แต่มันไม่ใช่ กลายเป็นว่าช่วงนั้นถ่ายทอดสดอยู่แล้ว 


แล้วรู้หรือไม่ว่าต้องเข้าไปร่วมรายการด้วย

ไม่รู้เลย พอส่งเอกสารให้เสร็จ พี่โปรดิวเซอร์(พิษณุ แป้นวงศ์) ก็บอกว่าเปลี่ยนแผนให้เข้าไปรายงานด้วยเลย โอ๊ย..ตอนนั้นหน้าก็ไม่ได้แต่ง วิ่งมา ประมาณ 100 เมตร เราตัวใหญ่ น้ำหนักก็เยอะ เหนื่อย หอบไปอีก น้องผู้ประกาศก็คาดหวังว่าเราออกมาพร้อมคำพิพากษา เราก็ต้องรวบรวมสติ ในขณะที่ด้านหลังคนอื่นก็ยังวิ่งกันอยู่ 


รู้สึกอย่างไรที่มีกระแสชื่นชมเข้ามาอย่างมาก

ขอบคุณมาก เราก็พยายามทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ข่าวนี้เป็นข่าวที่สังคมอยากทราบ อีกทั้งเรายังต้องแข่งกับสื่อโซเชียล ในขณะที่เวลาอยู่ในศาลเราไม่สามารถรายงานสดออกมาได้ ที่สำคัญนอกจากจะเร็ว ยังต้องให้ข้อเท็จจริง ครบถ้วน ถูกต้อง พอมีคนแชร์ภาพออกไป สื่อมวลชนกันเองก็แซว เพื่อนๆก็ฮาแล้วขำ ตัวเราเองช่วงเวลานั้นซีเรียส แต่พอมาย้อนดูแล้วก็ขำเหมือนกัน


ที่ผ่านมาในการทำงานข่าวเคยเจอเหตุการณ์อะไรที่ตื่นเต้นแบบนี้หรือไม่

–  หลายครั้งมาก ด้วยความที่เราเป็นผู้สื่อข่าวการเมือง ที่ผ่านมาอยู่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนม็อบ นปช. ตอนนั้นต้องไปประจำที่จุดเซ็นทรัลเวิลด์ เจอทั้งเหตุการณ์เผาเมือง ต้องหนีระเบิด วิ่ง ปืนรั้วผ่านมาหมด แต่ก็จะคนละแบบกับเหตุการณ์ที่หน้าศาล 


ย้อนกลับไปอยากให้เล่าว่าก้าวมาทำงานข่าวได้อย่างไร

ถึงวันนี้ก็ 14 ปีแล้ว ย้อนกลับไปตอนที่เรียนจบใหม่ๆ เป็นเด็กที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร พอได้โอกาสเริ่มต้นทำงานที่สถานีวิทยุไอเอ็นเอ็นก็ลองทำดูแล้วก็รู้สึกสนุก เป็นงานที่ไม่จำเจ มีความท้าทาย คนละอารมณ์กับการทำงานในออฟฟิศ ลองทำมาเรื่อยๆ ทำอยู่ตรงนั้นได้ 4 ปีก็ย้ายมาทำงานกับสำนักข่าวไทย ปีนี้ก็ 10 ปีแล้ว เราอยู่สายงานนี้ไม่ได้ทำงานการเมืองอย่างเดียว บางคร้ังยังได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวเหตุการณ์ทางการเมือง น้ำท่วม วิกฤติต่างๆ ได้เจออะไรหลายๆอย่าง 


เป็นผู้หญิงกลัวหรือไม่ ดูงานการเมืองจะซับซ้อนและสุ่มเสี่ยง

ก่อนหน้านี้ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ทั้งปืนกำแพง รั้ว เจอระเบิด ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้เริ่มเข้าใจคำว่ามีคนรออยู่ข้างหน้า ก็จะคิดก่อน แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีอะไรหดหู่ไปกว่าการรายงานข่าวในช่วงม็อบที่มีเหตุคนตายจำนวนมาก ทำงานท่ามกลางความเครียด


คิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในการทำงานข่าว

–  จะต้องถูกต้อง ข้อเท็จจริงต้องครบถ้วน ไม่บิดเบือน เมื่อก่อนไม่มีสื่อโซเชียล ข้อมูลจะเป๊ะ เดี๋ยวนี้เราต้องสู้กับสงครามโซเชียล เราต้องหาข้อมูล ข้อเท็จจริงมายืนยัน เพราะมีข้อมูลบิดเบือนกันเยอะ  


มองเป้าหมายในการทำอาชีพนี้ไว้อย่างไร

การทำข่าวมีเสน่ห์ ยังคงอยากทำไปเรื่อยๆ เป็นความท้าทาย เป็นงานที่มีอะไรให้ลุ้นตลอด เรายังสนุกกับอะไรใหม่ๆ ในวิชาชีพ โดยที่เราคาดเดาไม่ได้ 


ฝากอะไรถึงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากมาทำงานในสายอาชีพนี้

เด็กรุ่นใหม่บางคนอยากจะมาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว เพราะอยากมีชื่อเสียง อยากมาอยู่หน้าจอ อยากมีตัวตน เพื่อต่อยอดไปทำงานด้านอื่น อยากจะบอกว่ากว่าจะมายืนตรงนี้ได้ ต้องสั่งสมประสบการณ์ ความสามารถ ไม่อยากให้มองอาชีพนี้ฉาบฉวย อยากให้มาด้วยความชอบจริงๆ และทำหน้าที่ตัวเองอย่างสุดความสามารถอยู่ในจรรยาบรรณอาชีพนี้


         และนี่คือคำทิ้งท้ายจากนักข่าวตัวจริง ตามแนวคิดที่ว่าเป็นกลาง น่าเชื่อถือ มืออาชีพ” 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

นาวิกโยธินคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง

26 ก.ค.- เหตุปะทะชายแดนตราด ทหารนาวิกโยธิน ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง ถอยร่นออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย ส่วนประชาชนอพยพไปที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ก.ค.69 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดตราด เปิดเผยว่าถึงสถานการณ์ บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชา ได้วางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุดเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกำลังทหารนาวิกโยธิน ได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ผลักดันกำลังทหารกัมพูชา ออกนอกพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนประชาชนพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ในอำเภอเมืองตราด ประมาณ 75 เปอร์เซนต์เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.68 -สำนักข่าวไทย