กรุงเทพฯ 21 ก.ค.-ช่วง 10 ปีมานี้ มีคดีเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วมากกว่า 100 คดี มูลค่าความเสียหายเกือบ 30,000 ล้านบาท วันนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจัดการเสวนาแชร์ลูกโซ่ พันธนาการที่ยังปลดไม่พ้น มีสาระสำคัญหลายเรื่องที่น่าสนใจ
การอ้างผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยเงินมหาศาล อ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม จัดฉากอบรมสัมมนาแสดงผลการลงทุนเกินจริง ชักชวนให้ลงทุนโดยไม่มีสินค้า หรือมีสินค้า แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการขาย และต้องหาสมาชิกเพิ่ม สิ่งเหล่านี้เป็นรูปแบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ที่ถูกหยิบยกมานำเสนอในการเสวนา “แชร์ลูกโซ่ พันธนาการที่ยังปลดไม่พ้น” โดยสถาบันวิจัยและพัฒนารพีพัฒนศักดิ์ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อระดมความเห็นจากนักกฎหมายและนักวิชาการ หาทางป้องกันปัญหาการหลอกระดมลงทุนจากประชาชนจนเกิดความเสียหาย
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์บอกว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่บางประเภทออกแบบธุรกิจให้คล้ายกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น การเทรดหุ้นในระบบที่สร้างขึ้น การลงทุนซื้อขายสินค้าล่วงหน้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้ลงทุนมักคิดว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีความซับซ้อน เมื่อมีรูปแบบการลงทุนที่เข้าถึงง่ายกว่าและเสนอผลตอบสูง จึงเกิดความสนใจ
ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยบอกว่า เหยื่อของธุรกิจแชร์ลูกโซ่มักจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยถูกหลอกมาก่อน บางคนเป็นสมาชิกแชร์ลูกโซ่มากกว่า 1 แห่ง และยังชักชวนคนใกล้ชิดให้ร่วมลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของนักจิตบำบัดการเงินโรงพยาบาลเอกชนที่ระบุว่า เหยื่อจะถูกหลอกล่อด้วยผลตอบแทนในระยะเริ่มแรกของการลงทุน เห็นผลกำไรง่าย จนยอมเป็นหนี้ หรือนำเงินมาลงทุนเพิ่ม นำไปสู่อาการของโรคเสพติดการลงทุนแบบพนัน ซึ่งเป็นโรคทางเวชศาสตร์การเสพติด สมองหลั่งสารเคมีบางอย่าง ให้เกิดความตื่นเต้น หรือดีใจสุดขีด เมื่อได้ผลตอบแทนสูง เกิดความโลภและต้องหาเงินมาลงทุนซ้ำอีก
มีข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่า ตั้งแต่ปี 47 คดีเกี่ยวแชร์ลูกโซ่ ที่รับเป็นคดีพิเศษมีแล้วกว่า 129 คดี มูลค่าเสียหายกว่า 27,000 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่การลงทุนเป็นเงิน เป็นสินค้า เป็นพืชเกษตร หรือเพียงแค่หาสมาชิกมาทำธุรกิจ ซึ่งแม่ข่ายหรือเจ้าของธุรกิจบางราย เมื่อถูกดำเนินคดีแล้วได้ประกันตัวหรือหลบหนี มักกลับมาทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่อีก แต่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนชื่อธุรกิจ และอาจทำให้เหยื่อรายเดิม กลับมาตกเป็นเหยื่ออีก หรือมีการสร้างเงื่อนไขให้เหยื่อสมัครร่วมลงทุนในบริษัทแห่งใหม่ และอ้างว่าจะจ่ายผลตอบแทนที่เคยค้างไว้คืนให้ แต่สุดท้ายหว่านล้อมให้ลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่เช่นเดิม.-สำนักข่าวไทย