กรุงเทพฯ 17 พ.ค.- เบนซ์ เรสซิ่ง รายงานตัวต่อศาลอาญา ยันให้ความร่วมมือไม่คิดหนี
นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ผู้ต้องหาในคดี สมคบคิดร่วมกันฟอกเงิน ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด พร้อมทนายความ เข้ารายงานตัว หลังครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 6 โดยวันนี้ พนักงานสอบสวน กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส.ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลเป็นครั้งที่ 7. ระหว่างที่ 17- 29 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป โดยพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า เนื่องจากสำนวนการสอบสวนผู้ต้องหายังไม่แล้วเสร็จ จึงขอให้ศาลเป็นผู้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามกฎหมาย
นายสิทธิโชค ตรีเนตร ทนายความ กล่าวว่า เมื่อวานเบนซ์ได้รับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด,รับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด กระทำหรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ ซึ่งเป็นพฤติการณ์และข้อเท็จจริงเดียวกันกับข้อหาเดิม แต่มีอัตราโทษสูงเทียบกับตัวการ ซึ่งทางทนายความและเบนซ์ยังคงยืนยันไม่เกียวข้องกับยาเสพติด และที่ผ่านมาให้ความร่วมมือมาโดยตลอดไม่มีเจตนาหลบหนี และตนไม่มีอะไรจะชี้แจ้งเพิ่มเติม เพราะได้นำเอกสารไปยื่นและชี้แจงหมดแล้ว จะขอไปต่อสู้ในชั้นศาล เชื่อพนักงานสอบสวนจะสามารถสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้องภายในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้
ส่วนกรณี แพท ณปภา ภรรยาสาวที่ถูกแจ้งข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ทางทนายความระบุว่า ยังไม่ได้หารือกับทีมทนายของแพทแต่อย่างใด แต่แนวทางการต่อสู้นั้น ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน ไปสู้ในชั้นศาลเช่นกัน
ด้านเบนซ์ ระบุเพียงสั้นๆว่า ไม่คิดหลบหนี และให้ความร่วมมือที่ดีมาโดยตลอด พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการของศาล
ส่วนข้อหาสนับสนุนตาม พรบ.มาตราการยาเสพติด พศ.2534 มาตรา6 (1) และ (4) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.ลงความเห็นและมอบหมายให้ พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ปส.ดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มนั้น
พันตำรวจเอกพรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า พนักงานสอบสวนจะนำไปรวมไว้ในคดีสบคบคิดกันฟอกเงิน เนื่องจากเป็นคดีเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องฝากขังข้อหาที่ 2 แต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย