กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ทนายอนันต์ชัย เปิดหลักฐานสำคัญคำให้การของพระนักเทศน์ชื่อดังในศาลเยอรมันมีการโอนเงินบริจาคของวัดให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และพัวพันการฟอกเงิน
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เปิดเผยว่า ได้รับร้องเรียนจากหญิงไทยรายหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนี อ้างว่า มีพระวัดดัง ย่านจังหวัดปทุมธานี มีพฤติกรรมลักษณะเข้าข่ายยักยอกเงินและฟอกเงินวัด
เมื่อได้รับข้อมูลจึงเริ่มรวบรวมหลักฐาน พบว่า มีเอกสารเจ้าอาวาสโอนเงินไปให้หญิงสีกาที่ประเทศเยอรมันทั้งหมด 27 ครั้ง และมีการโอนในประเทศเยอรมนีอีก 2 ครั้ง รวมทั้งหมด 29 ครั้ง เป็นเงิน 21 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งมีการแจ้งความไว้ที่ บก.ปปป., ป.ป.ช. และ ปปง. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พระชื่อดังกับพวกรวม 9 คน ในข้อหาฟอกเงิน นอกจากนี้มีเอกสารหลักฐานสำคัญคำให้การของพระนักเทศน์ชื่อดังให้การในศาล ยอมรับว่าที่มาของเงินที่โอนเข้าบัญชีสีกาเป็นเงินบริจาคของวัด
โดยสีกาคนนี้เล่าว่า รู้จักกับพระชื่อดัง เพราะเลื่อมใสศรัทธาคำสอน จึงนิมนต์ไปเทศนาที่เยอรมนีหลายครั้งและมีความประสงค์ต้องการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เปิดสาขาในยุโรป จึงเริ่มเปิดสมาคมในเยอรมนี เป็นสาขาย่อยของวัด และพระไว้วางใจว่าจ้างสีการายนี้ ให้ดูแลสมาคมและมูลนิธิ โดยจ่ายเงินเป็นรายเดือน หลักแสนบาทต่อเดือนโดยพระจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของสีกาครั้งละหลักล้านบาท บอกว่าเป็นเงินส่วนตัวและให้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปบัญชีส่วนตัวของพระในเยอรมนี
ช่วงแรกมีการโอนเงินไป 4 ครั้ง รวมกว่า 12 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่เยอรมนีพบความผิดปกติจากพฤติกรรมการโอนเงินเข้าข่ายฟอกเงิน จึงอายัดบัญชี เรื่องจึงโป๊ะขึ้นทำให้สีการู้ตัวว่าตกเป็นเครื่องมือของพระรับโอนเงินของวัด จึงไม่ต้องการทำงานให้อีก ทำให้พระโกรธและฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาที่เยอรมนี กว่า 13 ล้านบาท เป็นค่าเงินบริจาค เงินเดือน ค่าทำงานต่างๆ และที่น่าตกใจมีค่าอาหารแมวอีกด้วย
ทั้งนี้ สีกายืนยันไม่เคยคิดเรื่องชู้สาวกับพระนักเทศน์ชื่อดัง แต่เพราะศรัทธาในคำสอนในพระไตรปิฏก และมีสโลแกนชัดเจน และไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ภาพที่เห็นเป็นภาพลวงตา ไม่เหมือนกับที่เคยเจอมา
ทนายอนันต์ชัย ระบุอีกว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการใช้องค์กรในเยอรมนีเป็นศูนย์กลางฟอกเงินที่ยักยอกมาจากวัด เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 147, 157 และเข้ามูลความผิดฐานฟอกเงิน และพระที่ต้องขึ้นศาลอาจต้องปาราชิกหรือไม่ นอกจากนี้ต้องการให้ตำรวจตรวจสอบเส้นทางเงินหญิงรายหนึ่ง ที่มีเงินทำธุรกิจหมุนเวียนเป็นพันล้านบาท ได้เงินมาจากที่ใด และมีเพจโซเชียลออกมาเปิดเผยว่า หญิงรายนี้มีความสนิทสนมกับพระ ทั้งคู่เข้าไปช้อปปิ้งเลือกซื้อเครื่องประดับในประเทศอินเดีย. -417-สำนักข่าวไทย