พรรคประชาธิปัตย์ 15 เม.ย.- “อภิสิทธิ์” มอง มาตรา 5 ในรธน.ยืดหยุ่นกว่ากำหนดให้มีคณะกรรมการตัดสิน เหตุ วินิจฉัยได้แค่ข้อกฎหมาย ย้ำวิกฤตการณ์ในอดีตแก้ไม่ได้ เพราะกอดอำนาจไม่ปล่อยจนถึงทางตัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ2560 มาตรา 5 บัญญัติว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเนื้อหาที่ดีแล้ว คือกลับมาเหมือนมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งตนเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วว่าการกำหนดรูปแบบกรรมการอาจจะรัดตัวเกินไป ขอบเขตการวินิจฉัยทำได้แค่เรื่องของข้อกฎหมาย การเขียนกว้างแบบเดิมเปิดโอกาสให้หาทางออกได้มากกว่า เพราะตนไม่เคยมองว่ากรรมการเหล่านั้นจะปฏิบัติราบรื่นได้จริง แม้มีกรรมการฯ ตัดสินความขัดแย้งแล้วความขัดแย้งเหมือนเดิมก็ไม่จบ จึงไม่อยู่ที่จะมีกรรมการเหล่านี้หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และการยอมรับทางออกที่ตรงกัน การกำหนดตามรัฐธรรมนูญนี้จึงทำให้เกิดความยืดหยุ่นมากกว่า
“ต้องเข้าใจด้วยว่าไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะใช้มาตรานี้ได้ ต้องเกิดสถานการณ์ที่เข้าข่ายว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไม่ครอบคลุมว่าต้องทำอย่างไร เพราะไม่มีกฎหมายไหนจะสามารถเขียนรองรับได้ทุกสถานการณ์ เช่นปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุที่มาตรา 7 เดิมไม่สามารถนำมาแก้ไขได้เพราะผู้มีอำนาจไม่พร้อมที่จะสละอำนาจของตนเอง เพื่อเปิดทางให้แก้ปัญหา และไม่สามารถบังคับได้ ผมจึงบอกว่าปัญหาการเมืองในอดีตอยู่ที่พฤติกรรมและวัฒนธรรมการเมือง ในประเทศที่สามารถหาข้อยุติได้ คือมีการยอมถอยไม่ใช่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ก็ต้องอยู่อย่างนั้น จึงจะลดแรงกดดันทางสังคมได้ และทำให้แก้ปัญหาได้ ซึ่งรูปแบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีหลักการอยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย