โควิดอินเดีย

นิวเดลี 30 ส.ค. – อินเดียเริ่มมีความหวังเพิ่มขึ้นในการกลับไปเป็นผู้ส่งออกวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ หลังมีกำลังผลิตวัคซีนมากขึ้นและฉีดวัคซีนโดสแรกให้แก่ประชาชนวัยผู้ใหญ่เกินกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดราว 944 ล้านคน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้ว่า อินเดียฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากกว่าวันละ 10 ล้านโดสเมื่อวันศุกร์ และมีกำลังผลิตวัคซีนเพิ่มเป็นสองเท่านับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยคาดว่าจะเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนได้มากขึ้นอีกในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อีกทั้งยังมีการผลิตวัคซีนขนานใหม่ที่พัฒนาโดยคาดิลา เฮลท์แคร์ ซึ่งได้รับการอนุมัติใช้เมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ อินเดียยังได้เริ่มผลิตวัคซีนสปุตนิก-วี ของรัสเซียในเชิงพาณิชย์แล้ว ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวไม่เผยนามระบุว่า สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก มีกำลังผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกาเดือนละ 150 ล้านโดส เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากในเดือนเมษายนที่ผลิตได้เพียง 65 ล้านโดส แม้ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนในการส่งออกวัคซีน แต่คาดว่าจะเริ่มส่งออกวัคซีนได้อีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ดี สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ซึ่งเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะกลับมาส่งออกวัคซีนได้อีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้ ยังไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ทางการอินเดียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 42,909 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 380 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 32.7 ล้านคน […]

อินเดียขอให้รัฐเกรละและรัฐมหาราษฏระพิจารณาใช้คำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวตอนค่ำคืน เนื่องจากทั้งสองรัฐมียอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อยู่ในระดับสูง ในขณะที่อินเดียพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 40,000 คนเป็นวันที่สอง

นิวเดลี 16 ก.ค.- สื่ออินเดียรายงานว่า รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 660 ล้านโดสสำหรับฉีดในเดือนสิงหาคม-ธันวาคมนี้ เป็นการสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หนังสือพิมพ์อีโคโนมิกส์ไทมส์อ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลกลางสั่งซื้อวัคซีนแอสตราเซนเนกาที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียในชื่อโควิดชีลด์ 375 ล้านโดส และวัคซีนโควาซินที่ผลิตโดยภารตะไบโอเทค บริษัทอินเดียอีก 285 ล้านโดส สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียได้เพิ่มกำลังผลิตเป็นเดือนละ 100 ล้านโดส ส่วนภารตะไบโอเทค รัฐบาลอินเดียเผยว่า จะเพิ่มกำลังผลิตขนานใหญ่จากเดือนละ 10 ล้านโดสในเดือนเมษายน เป็น 70 ล้านโดสในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม และอาจเพิ่มเป็นเกือบ 100 ล้านโดสภายในเดือนกันยายน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากทางการท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การขาดแคลนวัคซีนจะทำให้มีคนเสี่ยงหลายล้านคน หากเชื้อกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้ง รัฐบาลกลางอินเดียตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ผู้ใหญ่ 944 ล้านคนภายในสิ้นปี แต่มีผู้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเพียงร้อยละ 8 ของเป้าหมายดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นแจ้งว่า ขาดแคลนวัคซีนจนต้องปิดศูนย์ฉีดหลายแห่ง ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า อัตราการฉีดเฉลี่ยต่อวันในเดือนกรกฎาคมยังคงต่ำกว่า 4 ล้านโดส ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสมในอินเดียทะลุ 31 ล้านคนแล้ว และมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 412,500 […]

นิวเดลี 21 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย กล่าวเนื่องในวันโยคะสากลที่ตรงกับวันนี้ว่า โยคะเป็นการฝึกที่สามารถป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ ด้านทางการประกาศฉีดวัคซีนฟรีให้คนวัยผู้ใหญ่ทุกคน นายกรัฐมนตรีโมดีวัย 70 ปี กล่าวช่วงเช้าตรู่วันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ด่านหน้าบอกเขาว่า ฝึกโยคะเป็นเกราะป้องกันในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 แพทย์เสริมความแข็งแรงให้ตัวเองด้วยการฝึกโยคะ และใช้โยคะรักษาผู้ป่วยด้วย เอเอฟพีระบุว่า รัฐบาลอินเดียสนับสนุนให้ใช้โยคะและพืชสมุนไพรเป็นวิธีป้องกันและรักษาโรคโควิด แต่ถูกแพทย์ต่อต้าน นายกรัฐมนตรีโมดีเสนอระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 2557 ให้วันที่ 21 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันโยคะ สาเหตุที่เลือกวันดังกล่าวเพราะเป็นวันที่กลางวันยาวนานที่สุดสำหรับประเทศในซีกโลกเหนือ สหประชาชาติเห็นชอบและให้เริ่มในปี 2558 เป็นปีแรก ด้านผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขชุมชนอินเดียเผยว่า การฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเร็วขึ้นแล้ว เพราะยอดการฉีดรายวันเร็วขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีเรื่องความไม่เท่าเทียมและความลังเลใจในการฉีดเป็นอุปสรรคอยู่ รัฐบาลตั้งเป้าฉีดคนวัยผู้ใหญ่ที่มีเกือบ 1,100 ล้านคนให้ครบภายในสิ้นปีนี้ แต่จนถึงขณะนี้ฉีดไปแล้วเพียง 275 ล้านโดส และมีคนฉีดครบ 2 เช็มแล้วเพียงร้อยละ 4 โดยได้ขยายโครงการฉีดวัคซีนให้ผู้ใหญ่ทุกคนที่อายุต่ำกว่า 45 ปีตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม แต่เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นและโรงพยาบาลเอกชนต้องซื้อวัคซีนเองเพื่อฉีดให้แก่กลุ่มคนดังกล่าว นำมาซึ่งความสับสนและการขาดแคลน สุดรัฐบาลกลางจึงประกาศว่า จะจัดสรรวัคซีนร้อยละ 75 […]

นิวเดลี 21 มิ.ย.- อินเดียกำลังเผชิญปัญหาสาธารณสุขครั้งใหม่ เรื่องโรคราดำระบาดในผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีประวัติติดโควิดมาก่อน เว็บไซต์ซีบีเอสนิวส์ของสหรัฐอ้างกระทรวงสาธารณสุขอินเดียว่า ผู้ป่วยโรคราดำที่พบกว่า 28,000 คน ร้อยละ 85 มีประวัติติดโควิดมาก่อน ผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานร่วมด้วยเสี่ยงติดเชื้อราดำที่ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายเสียหายกลายเป็นสีดำ มักเกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อจมูก ตาและสมอง เป็นเชื้อปนเปื้อนในดิน ปุ๋ยคอก ผักผลไม้ที่เน่าเสีย สถานที่อับชื้น ผู้ติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตสูง ปกติเป็นโรคที่พบได้ยาก แต่ผลการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) พบว่า ช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2563 อินเดียมีผู้ติดเชื้อราดำเพิ่มขึ้น 2.1 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์อ้างผู้เชี่ยวชาญว่า การใช้ยาสเตียรอยด์มากเกินไปในการรักษาผู้ป่วยโควิดอาจทำให้มีผู้ป่วยโรคราดำเพิ่มขึ้น เพราะยอดผู้ป่วยโรคราดำเพิ่มขึ้นจากที่มีน้อยมากเป็น 30,000 คนภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ สถานการณ์โรคโควิด-19 ในอินเดียที่ระบาดรุนแรง ประกอบกับการขาดแคลนออกซิเจนช่วยหายใจให้แก่ผู้ป่วยหนักทำให้แพทย์ตัดสินใจให้สเตียรอยด์ลดอาการปอดอักเสบและหายใจลำบากให้แก่ผู้ป่วย บางครั้งอาจใช้มากเกินไป ทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอ่อนแอ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เสี่ยงติดเชื้อราดำได้ง่ายขึ้น.-สำนักข่าวไทย

เบงกาลูรู 16 มิ.ย. – อินเดียประกาศเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทัชมาฮาลได้อีกครั้งในวันนี้ ทั้งที่อินเดียยังคงเผชิญกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระลอกสองที่รุนแรง และรีบผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเมืองอัคราในรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดียเผยว่า ทางการท้องถิ่นจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเพียง 650 คนเข้าชมภายในทัชมาฮาลได้ตลอดเวลาทำการ หลังจากที่สั่งปิดอนุสรณ์สถานแห่งนี้เมื่อต้นเดือนเมษายนตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล โดยปกติแล้ว ทัชมาฮาลจะดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละ 7-8 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละกว่า 20,000 คน ขณะที่ทางการรัฐอุตตรประเทศรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 270 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 56 คน ทั้งนี้ รัฐอุตตรประเทศถือเป็นรัฐหนึ่งของอินเดียที่เผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในขณะเดียวกัน อนุสรณ์สถานอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลอินเดีย เช่น ป้อมปราการสีแดงและหอกุตุบมีนาร์ในกรุงนิวเดลี ก็กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อีกครั้งในวันนี้ แม้จะยังคงมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการระบาดที่รุนแรงขึ้นในหลายเมืองที่มีประชากรหนาแน่นจนอาจทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่สื่อของอินเดียรายงานว่า การจราจรที่แน่นขนัดและยอดนักท่องเที่ยวที่พุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ต่างมุ่งหน้าไปสู่เมืองชิมลาในรัฐหิมาจัลประเทศทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งมีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์สวยงามของเทือกเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุม และเกิดความหวั่นเกรงว่าอาจจะทำให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 62,224 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อย แต่ถือว่าน้อยกว่าในเดือนพฤษภาคมที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันพุ่งสูงถึง 400,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2,542 […]

นิวเดลี 15 มิ.ย.- แพทย์เตือนว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อาจกลับมาระบาดใหม่ในกรุงนิวเดลีของอินเดีย หลังจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและห้างสรรพสินค้ามีผู้คนเนืองแน่น เพราะทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการระบาด แพทย์เตือนว่า การแข่งกันกลับมาเปิดธุรกิจตามปกติอาจทำให้โครงการฉีดวัคซีนไร้ผล เพราะผู้ใหญ่ที่เข้าเกณฑ์ฉีดวัคซีน 950 ล้านคน ฉีดไปแล้วเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น แพทย์คนหนึ่งทวีตว่า แฟนฟุตบอล 19,000 คนแห่ไปชมการแข่งขันช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เตรียมรอโควิดกลับมาระบาดอีกครั้ง แพทย์อีกคนทวีตเตือนว่า กรุงนิวเดลีควรผ่อนคลายล็อกดาวน์ในเชิงวิทยาศาสตร์ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะกลับมาอีก ขณะที่บริษัทรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงนิวเดลีทวีตเช้าวันนี้แจ้งเรื่องการจราจรหนาแน่น หลังจากผู้โดยสารแสดงความไม่พอใจที่ต้องรอรถนาน  เมืองใหญ่ในอินเดียเริ่มยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวด เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศลดลงแตะระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียแจ้งว่า ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อใหม่ 60,471 คน ต่ำที่สุดนับจากวันที่ 31 มีนาคม กรุงนิวเดลีอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าเปิดตามปกติอีกครั้ง หลังจากล็อกดาวน์นาน 5 สัปดาห์ อนุญาตใหร้านอาหารรับคนได้ครึ่งหนึ่งของปกติ ให้รถไฟฟ้าชานเมืองรับผู้โดยสารได้ครึ่งหนึ่ง และให้สำนักงานเปิดได้บางส่วน  แต่พร้อมใช้มาตรการจำกัดอีกครั้งหากยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันได้ทยอยปิดศูนย์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้มีอายุ 18-44 ปีเนื่องจากขาดแคลนวัคซีน อินเดียมียอดติดเชื้อสะสมกว่า 29.57 ล้านคน […]

อินเดียพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รายวัน 6,148 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยอดผู้เสียชีวิตรายวันมากที่สุดของโลก และพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 94,052 คน

ย่างกุ้ง 4 มิ.ย. – เมียนมาเผชิญกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครั้งใหม่ที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับอินเดีย ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ที่ทำให้บริการสาธารณสุขและโครงการตรวจหาเชื้อโควิดล่มสลาย ตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อวานนี้แสดงให้เห็นว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ 122 คน ถือเป็นผู้ป่วยหลักร้อยครั้งที่สองในรอบ 3 วันที่ผ่านมา แม้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดของเมียนมาในรอบเกือบสี่เดือน ผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในรัฐฉินที่มีพรมแดนติดอินเดีย และทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าเดิมกำลังแพร่ระบาดในเมียนมา ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของกลุ่มช่วยเหลือด้านการพัฒนาและการดูแลโซมี (Zomi Care and Development) จากเมืองตู้นซานในรัฐฉิน ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนอินเดียเพียง 20 กิโลเมตร กล่าวว่า เมื่อวานนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 3 ราย ตอนนี้ชาวบ้านต่างรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าออกจากบ้าน อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์สไม่สามารถติดต่อกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาเพื่อขอความเห็นจากเรื่องดังกล่าวได้ในขณะนี้ โครงการตรวจหาเชื้อโควิดในเมียนมาล่มสลายหลังเกิดเหตุรัฐประหาร เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนมากเข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจการปกครองจากนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งและสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 สองระลอกในเมียนมาได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ เมียนมามียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 143,900 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 3,200 คน นอกจากนี้ เมียนมายังตรวจหาเชื้อโควิดได้เฉลี่ยวันละ […]

อินเดียพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 186,364 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน ในขณะที่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3,660 คน