ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน Sinovac อยู่ในขั้นทดลอง ใช้กับผู้สูงอายุไม่ได้ จริงหรือ?

5 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Agencia Lupa (บราซิล)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: วัคซีน Sinovac ผ่านการทดลองกับอาสาสมัครหลายพันคนและได้รับการอนุมัติจาก WHO วัคซีน Sinovac มีประสิทธิผลที่ดีกับผู้สูงอายุ แม้ประสิทธิผลจะลดลงตามอายุของผู้รับวัคซีนที่มากขึ้นก็ตาม ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ผ่านคลิปเสียงใน WhatsApp โดย โรแบร์โต เคราส์ ผู้อ้างว่าเป็นนักไวรัสวิทยาจากโรงพยาบาล Albert Einstein Hospital ประเทศบราซิล ที่กล่าวหาว่าวัคซีน Sinovac ถูกนำมาใช้ในบราซิลทั้งๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างการทดลองและยังไม่ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังไม่เคยทดลองกับผู้สูงอายุอีกด้วย FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: Agencia Lupa ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของประเทศบราซิล ได้ตรวจสอบข้อกล่าวอ้างดังกล่าวกับ กีแลร์มี เวอร์เนค นักระบาดวิทยาและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย State University of Rio de Janeiro (UERJ) โดยแยกเป็นประเด็นดังต่อไปนี้ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: สวีเดนติดเชื้อโควิด 19 หลังฉีดวัคซีนแล้ว 6,000 คน จริงหรือ?

4 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Vox Check (ยูเครน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด บทสรุป: เป็นการนำตัวเลขผู้ติดเชื้อมาสร้างความเข้าใจผิดต่อประสิทธิผลของวัคซีนโควิด 19 สาธารณสุขสวีเดนเผยว่ามีผู้รับวัคซีนโควิด 19 จำนวน 1 โดส แล้วกลับมาติดเชื้อ 0.3% ส่วนผู้ที่รับวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 โดสกลับมาติดเชื้อแค่ 0.2% เท่านั้น ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 เผยแพร่ในประเทศยูเครน โดยอ้างว่ามีชาวสวีเดนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปแล้ว แต่กลับมาติดเชื้อกว่า 6,000 คน พร้อมอ้างว่าเชื้อไวรัสที่อยู่ในวัคซีนคือสาเหตุให้ผู้รับวัคซีนติดเชื้ออีกด้วย FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: คลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นการนำข้อมูลทางสถิติมาจงใจสร้างความกังวลและความไม่ไว้ใจต่อประสิทธิผลของวัคซีนโควิด 19 ตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขสวีเดนที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยระบุว่าในจำนวนผู้รับวัคซีนโควิด 19 ปริมาณ 1 โดสไปแล้วกว่า 2 ล้านคน มีคนที่ติดเชื้อโควิด 19 […]

ชัวร์ก่อนแชร์: อินเดียเปิดประเทศหลังหยุดฉีดวัคซีน แล้วใช้ Ivermectin จริงหรือ?

3 สิงหาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Agencia Lupa (บราซิล)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: ช่วงปลายเดือนมิถุนายน อินเดียยังมีผู้ติดเชื้อโควิด 19 เฉลี่ยวันละ 5 หมื่นคน และมีการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตลอดทั้งเดือนกว่า 100 ล้านโดส สาธารณสุขอินเดียยกเลิกการใช้ Ivermectin รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาการไม่รุนแรงและผู้ป่วยไม่มีอาการ ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ผ่าน WhatsApp ในประเทศอินเดีย โดยอ้างว่าสาเหตุที่อินเดียเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยี่ยมชมทัชมาฮาล สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้รับการควบคุมแล้ว หลังจากอินเดียชะลอการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน แล้วหันมาใช้ยาทางเลือกอย่าง Ivermectin ในการรักษา จนจำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างเห็นได้ชัด FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: การตรวจสอบข้อมูลของ Agencia Lupa ยืนยันได้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศอินเดียยังไม่อาจควบคุมได้ตามที่กล่าวอ้าง และอัตราการติดเชื้อที่ลดลงไม่ใช่ผลมาจากการใช้ยาฆ่าพยาธิชนิด Ivermectin […]

ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนที่ดีจะไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงหรือเสียชีวิต จริงหรือ?

30 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Vistinomer (นอร์ธ มาซิโดเนีย)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: อาการข้างเคียงจากการใช้ยาเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับยาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์, สมุนไพร หรือแม้แต่วิตามิน อาการข้างเคียงจากการใช้ยาไม่อาจเทียบได้กับผลกระทบจากโรคระบาดที่ป้องกันได้จากวัคซีน ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศนอร์ธ มาซิโดเนีย โดยอ้างว่าวัคซีนที่ดีจะไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงหรือทำให้เสียชีวิต FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: อาการข้างเคียงจากการใช้ยาเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับยาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์, สมุนไพร หรือแม้แต่วิตามิน ที่มีโอกาสทำให้ผู้รับยาเกิดอาการข้างเคียงได้ทั้งสิ้น แม้แต่ยาแก้ปวดชนิดแอสไพริน ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับคนที่แพ้ยาชนิดนี้ การพัฒนายาแต่ละชนิดมีความซับซ้อน เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีการตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน การผลิตยาเพื่อรักษาอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางครั้งการใช้ยาต่างชนิดในเวลาเดียวกัน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา มีการประเมินว่าในแต่ละปีมีชาวออสเตรเลียประมาณ 230,000 คน ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอาการข้างเคียงจากการใช้ยา ส่วนยาปฏิชีวนะก็มีอัตราการเกิดอาการแพ้ยาประมาณ 5% ในกลุ่มประชากรทั้งหมด แม้อาการข้างเคียงของยาและวัคซีนจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ความรุนแรงก็ไม่อาจเทียบได้กับผลกระทบจากโรคระบาดที่ป้องกันได้จากวัคซีน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเกือบ 200 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ชาวอินเดียรักษาโควิด 19 ด้วยการดมไอร้อนจากฉี่วัว จริงหรือ?

29 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Taiwan FactCheck Center (ไต้หวัน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: เป็นการนำคลิปที่ชาวอินเดียรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ด้วยการให้สูดไอร้อนมาบิดเบือนว่าเป็นการสูดไอร้อนจากฉี่วัว การสูดไอร้อนไม่สามารถรักษาโควิด 19 ได้ และอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ มากขึ้น ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ในหลายประเทศในทวีปเอเชียโดยอ้างว่า ชาวอินเดียค้นพบวิธีรักษาโควิด 19 ด้วยการฆ่าเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจผ่านการสูดไอร้อนจากฉี่วัว พร้อมแสดงคลิปการรวมตัวสูดไอร้อนของชาวอินเดียตามสถานที่ต่างๆ เป็นหลักฐานยืนยัน FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: Taiwan FactCheck Center ได้ตรวจสอบที่มาของคลิปวิดีโอต่างๆ พบว่าเป็นกิจกรรมที่ชาวอินเดียมารวมตัวเพื่อสูดไอร้อนจากท่อที่ต่อจากหม้อต้มแรงดัน ซึ่งชาวอินเดียบางกลุ่มเชื่อว่าไอร้อนจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ จนมีการเปิดบาร์ไอร้อน (steam bar) ไว้บริการผู้ป่วยที่ต้องการรักษาโควิด 19 ด้วยการสูดไอร้อนโดยเฉพาะ อย่างไรก็ดี ไม่มีคลิปไหนที่ระบุว่า น้ำที่ใช้ต้มทำไอร้อนคือฉี่ของวัว ดังนั้นการอ้างว่าชาวอินเดียคิดค้นวิธีรักษาโควิด 19 ด้วยการดมไอร้อนจากฉี่วัวจึงไม่เป็นความจริง ส่วนการสูดไอร้อนก็ไม่สามารถรักษาโรคโควิด 19 ด้วยเช่นกัน หลู่มินจี ศาสตราจารย์ภาควิชาโรคติดต่อ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: การสูดไอร้อนสามารถฆ่าไวรัสโควิด 19 ได้ จริงหรือ?

28 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Newsmeter (อินเดีย)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: WHO และ CDC ยืนยันว่าการสูดไอร้อนไม่สามารถฆ่าไวรัสโควิด 19 ได้ และอาจทำให้ระบบทางเดินหายใจได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทาง Facebook และ WhatsApp ในประเทศอินเดีย โดยอ้างว่าไวรัสโควิด 19 จะแฝงอยู่ที่โพรงอากาศข้างจมูกหรือไซนัส ผ่านไป 4 ถึง 5 วันเชื้อจะลงปอด จึงจำเป็นต้องกำจัดเชื้อที่จมูกด้วยการสูดไอร้อน โดยอุณหภูมิ 50°C จะทำให้ไวรัสเป็นอัมพาต, 60°C ทำให้ไวรัสอ่อนแอจนถูกภูมิคุ้มกันกำจัดโดยง่าย, 70°C จะทำให้ไวรัสตายทั้งหมด คนที่อยู่บ้านควรสูดไอร้อนวันละครั้ง, คนที่ออกไปซื้อของที่ตลาดต้องสูดวันละ 2 ครั้ง, คนที่พบปะผู้คนหรือทำงานนอกบ้านต้องสูดวันละ 3 ครั้ง สูดครั้งละ 5 นาทีช่วงเช้าและเย็นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เชื้อก็จะหายไปเอง FACT […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ชิปในวัคซีนโควิด 19 ทำให้ต้นแขนจุดหลอดไฟติด จริงหรือ?

28 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Vox Check (ยูเครน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: วัคซีนโควิด 19 ไม่มีไมโครชิปที่ช่วยในการจุดหลอดไฟ ปัจจุบันมีหลอดไฟหลายชนิดที่ให้แสงสว่างโดยไม่ต้องต่อสายไฟ เช่นหลอดไฟที่มีแบตเตอรี่ในตัวหรือมีสวิทช์เปิดปิดที่ขั้วหลอดไฟ ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศยูเครน โดยอ้างว่าไมโครชิปที่อยู่ในวัคซีนโควิด 19 ทำให้ต้นแขนจุดหลอดไฟติด โดยมีคลิปวิดีโอสาธิตการจุดหลอดไฟด้วยการแนบที่ต้นแขนของผู้หญิงที่อ้างว่าฉีดวัคซีนโควิด 19 มาแล้ว FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: การตรวจสอบของ Vox Check ไม่อาจยืนยันได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิปวิดีโอเคยฉีดวัคซีนโควิด 19 มาแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่พบว่าส่วนประกอบของวัคซีนโควิด 19 มีไมโครชิปที่ช่วยในการจุดหลอดไฟตามที่กล่าวอ้าง ปัจจุบันมีหลอดไฟหลายชนิดที่สามารถให้แสงสว่างโดยไม่ต้องต่อสายไฟ เช่นหลอดไฟที่มีแบตเตอรี่ในตัว หลอดไฟบางชนิดยังมีสวิทช์เปิดปิดที่ขั้วหลอดไฟ ซึ่งสามารถเปิดไฟได้เพียงแค่มือสัมผัส รวมถึงหลอดไฟที่สั่งการเปิดปิดด้วยรีโมท คอนโทรล นอกจากนี้ ในอินเทอร์เน็ตยังมีคลิปวิดีโอมากมายที่สาธิตการประดิษฐ์หลอดไฟที่ให้แสงสว่างเมื่อสัมผัสโดนผิวหนังอีกด้วย ข้อมูลอ้างอิง: https://voxukraine.org/nepravda-pry-kontakti-z-mistsem-vaktsynatsiyi-mozhe-zagoritys-lampa/ หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”LINE :: @SureAndShare หรือคลิก […]

ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน AstraZeneca ทำให้ร่างกายรับส่ง Bluetooth ได้ จริงหรือ?

27 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Politifact (สหรัฐอเมริกา)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: ไมโครชิปมีขนาดความยาว 0.5 นิ้ว ใหญ่เกินกว่าจะผ่านรูเข็มฉีดยาได้ ส่วนประกอบที่ AstraZeneca เปิดเผย ไม่มีไมโครชิปอยู่ในวัคซีนอย่างที่กล่าวอ้าง ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านทาง TikTok โดยผู้ที่อ้างว่าเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท AstraZeneca บอกว่าในวัคซีนมีไมโครชิป เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ทำให้ตัวเขาเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ และมีข้อความแสดงการเชื่อมต่อที่ระบุว่า Connecting to AstraZeneca_ChAdOx1-S FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: ในความเป็นจริงแล้ว ข้อความแสดงการเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสามารถตั้งชื่ออย่างไรก็ได้ ไม่ใช่สิ่งยืนยันว่าในวัคซีน AstraZeneca มีไมโครชิปที่ส่งสัญญาณ Bluetooth ได้ บริษัท AstraZeneca เปิดเผยส่วนประกอบของวัคซีนโควิด 19 ให้สาธารณชนสามารถสืบค้นได้ ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มีไมโครชิปเป็นส่วนประกอบอย่างที่กล่าวอ้าง […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ผู้สวมหน้ากากต้องสูดดมของเสียจากปอด จริงหรือ?

27 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Maldita (สเปน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: หน้ากากอนามัยกรองได้แต่อนุภาคของเชื้อโรค ไม่สามารถกรองมวลที่มีขนาดเล็กเช่นแก๊สได้ ดังนั้นหน้ากากจึงไม่ทำให้ผู้สวมต้องส่งสูดดมคาร์บอนไดออกไซด์ของตนเอง ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสเปน โดยอ้างว่าผู้ที่สวมหน้ากากอนามัยต้องสูดดมของเสียที่ออกจากปอดกลับเข้าสู่ร่างกาย FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: มาเรีย เอลิซ่า คัลเล ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Complutense University of Madrid อธิบายว่าการสวมหน้ากากอนามัยไม่ทำให้เราสูดดมเอาคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนสู่ร่างกาย เนื่องจากหน้ากากถูกออกแบบมาเพื่อกรองอนุภาคของเชื้อโรค แต่ไม่สามารถกรองมวลที่มีขนาดเล็กเช่นแก๊สได้ ส่วนที่เป็นทิชชูของหน้ากากจะปล่อยให้แก๊สผ่านเข้าออกได้ ซึ่งออกซิเจนที่มนุษย์หายใจเข้าและคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์เราหายใจออกล้วนเป็นแก๊ส หากหน้ากากกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ในหน้ากาก ศัลยแพทย์ที่ต้องสวมหน้ากากวันละหลายชั่วโมงคงจะต้องเสียชีวิตแน่นอน ส่วนข้ออ้างที่ว่าการสวมหน้ากากเสี่ยงต่อการติดเชื้อรา, แบคทีเรีย, ปรสิต และไวรัส ที่ทำให้ป่วยเป็นปอดอักเสบก็ไม่เป็นความจริง มิเกล บาร์รูโก แฟร์แรโร ผู้อำนวยการศูนย์โรคปอด โรงพยาบาล Clínico de Salamanca ยืนยันว่าการสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีไม่ใช่สาเหตุของการเกิดโรค เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อทางอ้อม ผู้สวมหน้ากากควรเลี่ยงการเอามือไปสัมผัสที่ตัวกรองของหน้ากาก, ไม่ควรสวมหน้ากากนานเกิน […]

ชัวร์ก่อนแชร์: หน้ากากอนามัยฆ่าเชื้อด้วย Ethylene Oxide ที่ก่อมะเร็ง จริงหรือ?

26 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Maldita (สเปน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: Ethylene Oxide ใช้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ไม่ได้ใช้ฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยทุกชนิดอย่างที่กล่าวอ้าง ไม่พบหลักฐานว่าการใช้สิ่งของที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วย Ethylene Oxide จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสเปน โดยอ้างว่าหน้ากากอนามัยถูกฆ่าเชื้อด้วย Ethylene Oxide ที่เป็นสารก่อมะเร็งและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: Ethylene Oxide เป็นก๊าซไม่มีสี ใช้ในการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วโลก การตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย Fullfact ยืนยันว่า แม้การสัมผัส Ethylene Oxide ในปริมาณมากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและทำให้เป็นมะเร็งได้ แต่ไม่พบหลักฐานว่าการใช้สิ่งของที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วย Ethylene Oxide จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขของประเทศสเปนยืนยันผ่านเว็บไซต์ Maldita ว่า ไม่ใช่หน้ากากอนามัยทุกชนิดจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วย Ethylene Oxide อย่างที่กล่าวอ้าง และย้ำว่าหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายในประเทศได้รับการตรวจสอบมาตรฐานแล้วว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้สวมใส่ เช่นเดียวกับสำนักงานกำกับดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุขของอังกฤษ (MHRA) ที่อธิบายว่ากระบวนการฆ่าเชื้อด้วย […]

ชัวร์ก่อนแชร์: การบังคับฉีดวัคซีนคือการสร้างกำไรแก่ผู้ผลิตวัคซีน จริงหรือ?

24 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Vox Check (ยูเครน)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ บทสรุป: วัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีนคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน แต่ละประเทศมีนโยบายเกี่ยวกับวัคซีนแตกต่างกันไป และไม่ใช่ทุกประเทศที่บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องฉีดวัคซีน ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านอินโฟกราฟฟิคในประเทศยูเครน โดยเนื้อหาอ้างว่าเหตุผลที่แต่ละประเทศบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน เพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนและผู้ที่เกี่ยวข้อง FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: แม้ว่าการผลิตวัคซีนจะสร้างรายได้มหาศาล ทั้งจากผู้เข้ารับการวัคซีนหรือผ่านทางเงินภาษีที่จ่ายโดยรัฐบาล แต่วัตถุประสงค์หลักของการรณรงค์ฉีดวัคซีน คือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน และไม่ใช่ทุกประเทศที่มีนโยบายบังคับให้ประชาชนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคน ในแต่ละประเทศจะมีนโยบายเกี่ยวกับวัคซีนแตกต่างกันไป รายงานของสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ (NIAID) ระบุว่า ทุกรัฐในสหรัฐฯ และบางรัฐในประเทศแคนาดามีข้อกำหนดให้เด็กทุกคนต้องเข้ารับวัคซีนก่อนเข้าเรียน ในหลายรัฐมีการอนุโลมให้สามารถปฎิเสธวัคซีนด้วยเหตุผลทางการแพทย์หรือเหตุผลทางศาสนาและความเชื่ออื่นๆ มีเพียงรัฐมิสซิสซิปปีและเวสต์ เวอร์จิเนียเท่านั้น ที่การปฎิเสธวัคซีนต้องเป็นไปตามเหตุผลทางการแพทย์เท่านั้น แม้เด็กอเมริกันส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีน แต่มีเยาวชนสหรัฐฯ ถึง 10% ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลต่างๆ ประเทศออสเตรเลียไม่มีนโยบายบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน แต่มีนโยบายช่วยเหลือการเงินแก่ประชาชนที่ฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ โดยผู้ปกครองจะได้รับเงินช่วยเหลือโดยไม่หักภาษีจำนวน 129 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เมื่อลูกๆ ของพวกเขาเข้ารับวัคซีนในช่วงวัย 18 ถึง 24 เดือน และจะได้รับเงินช่วยเหลืออีกครั้งเมื่อเด็กเข้ารับวัคซีนอีกครั้งในช่วงวัย […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ญี่ปุ่นไม่รับบริจาคโลหิตจากผู้รับวัคซีนโควิด 19 จริงหรือ?

23 กรกฎาคม 2564ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck (สหรัฐอเมริกา)แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด บทสรุป: กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุให้ผู้รับวัคซีนโควิด 19 ควรเว้นจากบริจาคโลหิตเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบอาการข้างเคียงและยืนยันความพร้อมก่อนการบริจาคโลหิต ข้อมูลที่ถูกแชร์: มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Facebook ในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าประเทศญี่ปุ่นไม่รับบริจาคโลหิตจากผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง: ฮิโตชิ ฮัตตะ โฆษกสถานทูตญี่ปุ่นประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อธิบายต่อ Factcheck ว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ปฎิเสธการรับบริจาคโลดหิตจากผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 แต่ขอให้ระงับการบริจาคเลือดในระหว่างที่รัฐบาลกำลังสรุปแนวทางการบริจาคโลหิตสำหรับผู้รับวัคซีนโควิด 19 ข้อเสมอแนะจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ไม่ควรบริจาคโลหิตเป็นเวลา 48 ชั่วโมง โดยฮิโตชิ ฮัตตะย้ำว่ามาตรการดังกล่าวไม่ใช่เพราะสงสัยความปลอดภัยของวัคซีน แต่ต้องการให้ผู้รับวัคซีนตรวจสอบอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเช่นอาการปวดหัวหรือเป็นไข้ เพื่อยืนยันความพร้อมก่อนการบริจาคโลหิต ดร.จูลี แคทซ์ คาร์ป ผู้อำนวยการแผนกเวชศาสตร์บริการโลหิต โรงพยาบาล Thomas Jefferson […]

1 17 18 19 20 21 25
...