“แฮร์ริส” ว่าจีนขู่ประเทศอื่นให้หนุนอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้

สิงคโปร์ 24 ส.ค. – นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวหาจีนว่าบีบบังคับและข่มขู่ประเทศต่าง ๆ ให้สนับสนุนการอ้างสิทธิที่ไม่ชอบธรรมเหนือพื้นที่ในทะเลจีนใต้ ในระหว่างการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เธอระบุว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐ นางแฮร์ริสกล่าวปราศรัยในสิงคโปร์วันนี้ว่า สหรัฐรู้ว่ารัฐบาลจีนยังคงบีบบังคับ ข่มขู่ และอ้างสิทธิเหนือดินแดนส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ ทั้งที่ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินไม่ยอมรับการอ้างสิทธิโดยไม่ชอบธรรมของจีนในปี 2559 แต่จีนก็ยังคงกระทำการที่ทำลายกฎเกณฑ์และคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับสิงคโปร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีความสำคัญสูงสุดสำหรับรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงและความมั่งคั่งของสหรัฐเช่นกัน นางแฮร์ริสได้เริ่มปฏิบัติภารกิจเดือนทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 7 วันตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยเริ่มจากสิงคโปร์เป็นที่แรกและต่อด้วยเวียดนาม เพื่อต้านทานอิทธิพลทางเศรษฐกิจทั่วโลกและความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นของจีน รวมถึงจัดการข้อกังวลเกี่ยวกับการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ ทั้งนี้ การเบี่ยงความสนใจไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสิ่งที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในขณะที่สหรัฐเลิกสนใจข้อกังวลด้านความปลอดภัยแบบเดิม ๆ ด้วยการถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน.-สำนักข่าวไทย

“แฮร์ริส” ให้คำมั่นต่อการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืนในเอเชีย

นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ให้คำมั่นในวันนี้ต่อการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืนในทวีปเอเชีย ในระหว่างการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มจากสิงคโปร์เป็นที่แรก

“แฮร์ริส” เยือนสิงคโปร์กระชับสัมพันธ์-ต้านอิทธิพลจีน

นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้าพบบรรดาผู้นำของสิงโปร์ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นภารกิจวันแรกของการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มุ่งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับประเทศในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตอบโต้อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน

ศาลตัดสินอดีตตำรวจผิวขาวมีความผิดคดี “จอร์จ ฟลอยด์”

มินนีแอโพลิส 21 เม.ย. – นายเดเร็ค เชาวิน อดีตตำรวจผิวขาวของเมืองมินนีแอโพลิสในสหรัฐ ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน หลังการพิจารณาคดีดังกล่าวถือเป็นบททดสอบความรับผิดชอบครั้งใหญ่ของตำรวจในสหรัฐ คณะตุลาการใช้เวลาพิจารณาคดีไม่ถึง 11 ชั่วโมง ก่อนตัดสินให้นายเชาวิน วัย 45 ปี มีความผิดตามข้อหาทั้งหมด 3 กระทง ได้แก่ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน ข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยประมาท ขณะที่กลุ่มคนที่มารวมตัวกันอยู่ด้านนอกห้องพิจารณาคดีของเมืองมินนีแอโพลิส ซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ต่างส่งเสียงยินดีและร่ำไห้ด้วยความโล่งใจ เมื่อศาลประกาศคำพิพากษาหลังใช้เวลาไต่สวนคดีถึง 3 สัปดาห์ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ใส่กุญแจมือนายเชาวิน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการประกันตัวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังผู้พิพากษาของเฮนเนพินเคาน์ตีในเมืองมินนีแอโพลิสอ่านคำตัดสินที่เป็นเอกฉันท์ของคณะลูกขุนที่เป็นชาย 5 คน หญิง 7 คน และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายเชาวินออกจากห้องพิจารณาคดีในทันที โดยที่เขาสวมหน้ากากอนามัยและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะที่นายฟิโลนิส ฟลอยด์ น้องชายของนายจอร์จ ฟลอยด์ เข้าไปสวมกอดอัยการ ทั้งนี้ นายเชาวินต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุดถึง 40 ปีจากข้อหารุนแรงที่สุดคือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน ซึ่งจะมีกำหนดบทลงโทษจะมีขึ้นในภายหลัง […]

ไทม์ยก “ไบเดน”-“แฮร์ริส” เป็นบุคคลแห่งปี 2563

นิวยอร์ก 11 ธ.ค. – นิตยสารไทม์ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2563 ให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่วงบีทีเอส บอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งศิลปินแห่งปี นายเอ็ดเวิร์ด เฟลเซนธัล ซีอีโอและบรรณาธิการบริหารของนิตยสารไทม์ระบุในถ้อยแถลงว่า นิตยสารไทม์ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2563 ให้แก่นายไบเดนและนางแฮร์ริสในฐานะที่ทั้งคู่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สหรัฐ เป็นผู้ที่พิสูจน์ว่าความเข้าอกเข้าใจมีพลังยิ่งใหญ่เหนือความโกรธแค้นแห่งการแบ่งแยก และเป็นผู้แบ่งปันวิสัยทัศน์เรื่องการเยียวยาโลกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นิตยสารไทม์ยังได้ประกาศยกย่องตำแหน่งบุคคลแห่งปีในสาขาอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ นายอีริค หยวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของแอปพลิเคชั่นซูมได้รับตำแหน่งนักธุรกิจแห่งปี กลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนวหน้าและ นพ. แอนโทนี เฟาชี ที่ปรึกษาด้านโรคโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์แห่งปี นายเลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลเอ็นบีเอได้รับตำแหน่งนักกีฬาแห่งปี และวงบีทีเอส ของเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งศิลปินแห่งปี. -สำนักข่าวไทย

ผู้นำทั่วโลกยินดีกับไบเดน

ปารีส 8 พ.ย.- ผู้นำหลายประเทศทั่วโลกแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ที่ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งแบบคาดการณ์ เกิน 270 คะแนนก่อนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ทวีตแสดงความยินดี ขออวยพรจากก้นบึ้งของหัวใจให้โชคดีและประสบความสำเร็จ ไม่มีสิ่งใดทดแทนมิตรภาพข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ หากทั้งสองฝ่ายต้องการเอาชนะความท้าทายยิ่งใหญ่ในยุคนี้ ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศส แสดงความยินดีกับไบเดน และคามาลา แฮร์ริสว่า มีภารกิจมากมายที่ต้องทำร่วมกันเพื่อเอาชนะความท้าทายในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุสหรัฐเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดของอังกฤษ หวังว่าจะได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นที่ให้ความสำคัญร่วมกัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ กรีซ และอิรัก ยกย่องไบเดนว่า เป็นมิตรแท้ของประเทศ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ผู้สนิทสนมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกไบเดนว่ามิตรที่ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล ส่วนผู้นำทางฝั่งเอเชียอย่างประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ระบุว่าการที่สหรัฐมีผู้ออกมาใช้สิทธิมหาศาลสะท้อนถึงความหวังที่ฝากไว้กับประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่น แสดงความหวังเรื่องเสริมสร้างพันธมิตรสองประเทศเพื่อรับประกันสันติภาพ เสรีภาพ และความรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ […]

คามาลา แฮร์ริส สร้างประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ

นางแฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการเมืองสหรัฐ ระบุเมื่อเธอเป็นสตรีคนแรกที่มาถึงตำแหน่งนี้ได้ และจะไม่เป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน

ชาวอินเดียยินดีกับว่าที่รอง ปธน.สหรัฐ

ชาวอินเดียยินดีที่นางคามาลา แฮร์ริส ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียจะได้เป็นรองประธานาธิบดีสตรีคนแรกของสหรัฐ โดยมองว่าความสำเร็จของเธอเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์และความภาคภูมิใจของอินเดีย

สื่อทั่วโลกยินดีกับไบเดน คาดทรัมป์ไม่ยอม

พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้สนับสนุนจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ

ว่าที่ ปธน.-รอง ปธน.สหรัฐแถลงต่อคนทั้งประเทศ

วิลมิงตัน 8 พ.ย.- นายโจ ไบเดน และนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐแถลงต่อชาวอเมริกันทั้งประเทศหลังจากทราบผลคะแนนคณะผู้เลือกตั้งแบบคาดการณ์ว่าชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย ทำให้ได้เกิน 270 คะแนน ชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไบเดนซึ่งจะมีอายุครบ 78 ปีในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ และนางแฮร์ริส วัย 56 ปี ขึ้นเวทีที่เชสเซ็นเตอร์ เมืองวิลมิงตัน รัฐแดลาแวร์เมื่อค่ำวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันนี้ตามเวลาในไทย นางแฮร์ริสถอดหน้ากากอนามัยกล่าวเปิดด้วยการรำลึกถึง ส.ส.จอห์น ลูอิส รัฐจอร์เจีย พรรคเดโมแครตว่า ส.ส.ลูอิสได้บันทึกไว้ก่อนถึงแก่กรรมเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ด้วยวัย 80 ปีว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่สถานะ แต่คือการกระทำ ประชาธิปไตยของอเมริกาไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการรับประกัน แต่จะแข็งแกร่งตราบเท่าที่มีเจตนารมณ์จะต่อสู้เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตยของอเมริกามีความน่ายินดี มีความก้าวหน้า เพราะประชาชนทุกคนมีอำนาจในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวต่อไปว่า ทุกคนได้นำพาอเมริกาเข้าสู่วันใหม่ ทุกคนเลือกความหวัง ความเป็นเอกภาพ ความเหมาะสม วิทยาศาสตร์ และความจริง และเลือกโจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา โจเป็นผู้เยียวยา การประสบความสูญเสียด้วยตัวเองทำให้เขามีจุดหมายที่จะช่วยทุกคนทั้งประเทศกอบกู้จุดหมายกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับยกย่องไบเดนที่กล้าทลายกำแพงด้วยการเลือกเธอเป็นผู้สมัครคู่ชิงรองประธานาธิบดี เธออาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะดำรงตำแหน่งนี้ แต่จะไม่เป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน […]

ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตวันที่ 3

การประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ประเด็นสำคัญในการประชุมวันนี้คือการแถลงรับเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของนางคามาลา แฮร์ริส

“ไบเดน-แฮร์ริส” ลงนามร่วมหาเสียงเลือกตั้ง

นายโจ ไบเดน ผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และนางคามาลา แฮร์ริส ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นคู่ชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดี ร่วมกันลงนามเอกสารปูทางไปสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปลายปีนี้

1 2 3
...