เวียดนาม

ฮานอย 23 พ.ค.- ชาวเวียดนามสวมหน้ากากอนามัยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปในวันนี้ แม้ว่ามีผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้น การเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ 500 คน เป็นการเลือกตั้งทุก 5 ปี และมักมีขึ้นหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกผู้นำชุดใหม่ มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 69.2 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดเกือบ 98.2 ล้านคน ส่วนการเลือกตั้งครั้งหลังสุดในปี 2559 มีผู้ออกไปสิทธิมากถึงร้อยละ 99 จากผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ 67.5 ล้านคน นอกจากเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติแล้ว ยังมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาระดับจังหวัดและท้องถิ่นด้วยในคราวเดียวกัน ปีนี้มีผู้สมัครสมาชิกสมัชชาแห่งชาติน้อยกว่าปกติ ผู้สมัครร้อยละ 92 เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนผู้สมัครอิสระมี 74 คน ลดลงจาก 97 คนในการเลือกตั้งครั้งก่อน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า จำนวนสมาชิกสมัชชาแห่งชาติที่ไม่สังกัดพรรคลดลงเหลือครึ่งหนึ่งในการเลือกตั้ง 3 ครั้งหลังสุด การเลือกตั้งวันนี้มีขึ้นในขณะที่เวียดนามกำลังรับมือกับโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่อย่างรวดเร็ว มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,066 คนตั้งแต่เกิดการระบาดระลอกใหม่เมื่อปลายเดือนเมษายน เจ้าหน้าที่คูหาเลือกตั้งจะวัดอุณหภูมิ แจกหน้ากากอนามัย และฉีดย่าฆ่าเชื้อ พร้อมกับประกาศให้รักษาระยะห่างทางสังคมตอลดเวลา ก่อนให้ผู้ผ่านการวัดอุณหภูมิไปเข้าแถวรอใช้สิทธิ คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายใน […]

กระทรวงการคลังเวียดนามกล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า เวียดนามวางแผนที่จะจัดตั้งกองทุนมูลค่า 25.2 ล้านดอง หรือ ประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 34,500 ล้านบาท เพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 150 ล้านโดส สำหรับประชากรของเวียดนาม

โซล 30 มี.ค. – หลายประเทศในทวีปเอเชียเร่งหาแหล่งผลิตวัคซีนวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แห่งใหม่ หลังบริษัทผู้ผลิตวัคซีนของอินเดียจำกัดการส่งออกวัคซีนที่ทำให้โครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลกประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการได้รับวัคซีนล่าช้าในโครงการโคแวกซ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประเทศยากจน ปัญหาดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศระงับการส่งออกวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียเป็นการชั่วคราว เนื่องจากความต้องการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียมีกำหนดส่งมอบวัคซีน 90 ล้านโดสให้โครงการโคแวกซ์ในเดือนมีนาคมและเมษายน ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะส่งมอบวัคซีนส่วนนี้มาใช้ในประเทศเป็นจำนวนเท่าใด แต่ผู้ดูแลโครงการโคแวกซ์ได้เตือนว่า ความล่าช้าในการจัดส่งวัคซีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกัน นายการ์ลิโต กัลเวซ ประธานคณะทำงานวางแผนฉีดวัคซีนของฟิลิปปินส์กล่าวว่า แผนการเพิ่มกำลังฉีดวัคซีนโควิดรายวันของฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากนโยบายส่งออกวัคซีนของอินเดียเช่นกัน ขณะที่เกาหลีใต้ยืนยันว่า ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพียง 432,000 โดสจากทั้งหมด 690,000 โดส โดยจะได้รับวัคซีนที่เหลือล่าช้าจากกำหนดเดิมไปเป็นสัปดาห์ที่สามของเดือนหน้า ส่วนเจ้าหน้าที่ของเวียดนามได้ขอให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ หลังจากถูกปรับลดวัคซีนจากโครงการโคแวกซ์ร้อยละ 40 เหลือ 811,200 โดส และคาดว่าจะได้รับวัคซีนล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์ ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเผยว่า อินโดนีเซียอาจจะได้รับวัคซีน 10.3 ล้านโดสจากโครงการโคแวกซ์ล่าช้าออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคม.-สำนักข่าวไทย

พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเวียดนาม กล่าววันนี้ว่า จะรวบรัดการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรค ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี เนื่องจากพบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดทางภาคเหนือหลายแห่งในสัปดาห์นี้

ซิดนีย์ 28 ม.ค. – นิวซีแลนด์ เวียดนาม และไต้หวันได้รับการจัดให้อยู่ใน 3 อันดับแรกที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก ไทยติด 10 อันดับแรก ขณะที่อังกฤษและสหรัฐถูกจัดอยู่ในกลุ่มอันดับท้าย ๆ สถาบันโลวี (Lowy Institute) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของออสเตรเลียเผยแพร่ดัชนีชี้วัดความสำเร็จในการควบคุมโรคโควิด-19 ของ 98 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก ไม่นับรวมจีนที่พบการระบาดเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2562 เนื่องจากขาดข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ สถาบันวิจัยดังกล่าวระบุว่า นิวซีแลนด์ เวียดนาม และไต้หวันได้รับการจัดให้อยู่ใน 3 อันดับแรกที่สามารถควบคุมการระบาดได้ดีที่สุด ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ ไทย ไซปรัส รวันดา ไอซ์แลนด์ ออสเตรเลีย ลัตเวีย และศรีลังกา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตต่อประชากรอยู่ในระดับต่ำ ส่วนสหรัฐมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 25 ล้านคนอยู่ในอันดับที่ 94 อินเดียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 11 ล้านคนอยู่ในอันดับที่ 86 […]

ฮานอย 10 ม.ค.- เวียดนามเริ่มจำกัดเที่ยวบินขาเข้าตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีนในกลางเดือนหน้า และห้ามการรวมกลุ่มในอาคารปิด เพื่อลดความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาด นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวนฟุกแถลงวันนี้ว่า เนื่องจากเชื้อไวรัสปรับปรุงสายพันธุ์ต่างไปจากเดิมกำลังแพร่ระบาดทั่วโลกและเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญที่สุดของเวียดนามกำลังจะมาถึง ทางการจะให้เที่ยวบินเข้าประเทศได้เฉพาะเที่ยวบินที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และกระทรวงคมนาคมเท่านั้น นับตั้งแต่วันนี้จนสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ที่ตรงกับวันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นกระทรวงคมนาคมจะศึกษาความเป็นไปได้เรื่องเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้ง เวียดนามระงับเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศขาเข้าทั้งหมดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม อนุญาตให้เข้าเฉพาะเที่ยวบินรับชาวเวียดนามตกค้างในต่างประเทศกลับบ้าน และเที่ยวบินพิเศษสำหรับผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนต่างชาติ ทุกคนจะต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน แต่เมื่อวันอังคารได้ระงับเที่ยวบินขาเข้าจากประเทศที่พบเชื้อไวรัสปรับปรุงสายพันธุ์ต่างไปจากเดิม เบื้องต้นได้แก่ อังกฤษและแอฟริกาใต้ เวียดนามใช้มาตรการกักโรคและติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด จนไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมานาน 38 วันแล้ว ยอดผู้ป่วยสะสมมีเพียง 1,513 คน เสียชีวิต 35 คน.-สำนักข่าวไทย