สูตรภาษีสุดประหลาดของ “โดนัลด์ ทรัมป์”

13 เมษายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศใช้นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับนานาประเทศที่ผู้นำสหรัฐฯ อ้างว่าได้เปรียบดุลการค้ากับทางสหรัฐฯ

มาตรการที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายน และประกาศระงับเป็นเวลา 90 วันในสัปดาห์ถัดมา (ยกเว้นสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ถูกตอบโต้ด้วยอัตราภาษีศุลกากร 145%) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก มูลค่าตลาดหลักทรัพย์เวียงตัวอย่างฉับพลัน ความไม่แน่นอนดังกล่าวนำไปสู่ความกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกภายในปี 2025 นี้


อย่างไรก็ดี อัตราภาษีศุลกากรก่อนหน้าคำสั่งระงับที่กำหนดโดยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังขาไปทั่วโลกถึงความถูกต้องในการคำนวณ เนื่องจากไม่มีการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้คำนวณ ส่งผลให้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ต่อนานาชาติสูงกว่าความเป็นจริงอย่างมาก โดยก่อนคำสั่งระงับ ประเทศไทยเคยโดนตอบโต้ด้วยอัตราภาษีศุลกากรที่ 36%

สูตรคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ

เว็บไซต์ของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) เผยแพร่สูตรคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ


โดยกำหนดให้ ∆τi คือ อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากการนำค่าต่าง ๆ มาคำนวณ ได้แก่

i คือ ประเทศที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐฯ
xi คือ มูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศ i มายังสหรัฐฯ
mi คือ มูลค่าการนำเข้าสินค้าของต่างประเทศ i จากสหรัฐฯ
ε คือ ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาสินค้านำเข้า (ความรู้สึกของผู้ซื้อของราคาสินค้าที่สูงขึ้น)
φ คือ ความยืดหยุ่นของราคาสินค้านำเข้าเมื่อเทียบกับภาษีศุลกากร (โอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น)

USTR กำหนดให้ ε มีค่าเท่ากับ 4 และ φ มีค่าเท่ากับ 0.25

จากนั้นจึงหาค่า ∆τi ด้วยการนำ xi ลบ mi แล้วหารด้วยผลคูณของ ε φ และ mi

ตัวอย่าง สูตรคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศไทย

ข้อมูลของ USTR ระบุว่าปีที่แล้วสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าต่อประเทศไทยเป็นเงินมูลค่า 4.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากการนำเข้าสินค้าของไทยมูลค่า 6.33 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการส่งออกสินค้ามาไทยมูลค่า 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เมื่อนำตัวเลข 1.77 หมื่นล้าน ลบ 6.33 หมื่นล้าน เท่ากับ -4.5 หมื่นล้าน

4 คูณ 0.25 เท่ากับ 1 จากนั้นนำ 1 มาคูณกับ 6.33 หมื่นล้าน เท่ากับ 6.33 หมื่นล้าน

นำ 4.5 หมื่นล้าน มาหารด้วย 6.33 หมื่นล้าน เท่ากับ -72

เมื่อนำ -72 มาหาร 2 เท่ากับ -36 จะทำให้ประเทศไทยมีอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ ที่ 36%

ข้อได้เปรียบทางการค้า ไม่ใช่ข้ออ้างการใช้ “ภาษีศุลกากรตอบโต้

คิมเบอร์รี คลอสซิง ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Peterson Institute for International Economics ชี้แจงว่า ตัวเลขที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยต่อชาวโลก ไม่ใช่อัตราภาษีศุลกากรที่นานาชาติมีต่อสหรัฐฯ แต่เป็นข้อได้เปรียบทางการค้าที่แต่ละประเทศมีต่อสหรัฐฯ

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนอุปสรรคทางการค้าของสหรัฐฯ ที่แท้จริง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งวงการต่างลงความเห็นว่าเป็นสูตรการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ผิดหลักวิชาการ

เอริกา ยอร์ก รองประธานฝ่ายวิเคราะห์นโยบายภาษีของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ของสถาบัน Tax Foundation อธิบาย วิธีการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องขาดสามัญสำนึก พวกเขาไม่ใช้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคิดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้มาคำนวณแม้แต่น้อย ทั้ง ภาษีศุลกากร มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี หรือการกีดกันทางการค้ารูปแบบอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

ตัวเลขที่คิดขึ้นมาเองครั้งนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายที่พวกเขาประกาศใช้แม้แต่น้อย

หนังสือพิมพ์ New York Times อธิบายว่า ความแตกต่างระหว่างตัวเลขการนำเข้าและส่งออก ไม่ได้แปลความหมายเป็นอุปสรรคทางการค้าเสมอไป เพราะแต่ละประเทศมีความจำเป็นในการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าไม่เหมือนกัน ดังนั้นการได้เปรียบดุลการค้าไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องดีเสมอไป เช่นเดียวกับการขาดดุลการค้าไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องแย่เสมอไป

คิมเบอร์รี คลอสซิง ยกตัวอย่างว่า ถ้าสหรัฐฯ ทำการค้ากับประเทศหมู่เกาะที่ประชากรมีรายได้ต่ำ สหรัฐฯ นำเข้ามะม่วงจากหมู่เกาะมูลค่า 100$ แต่คนในประเทศหมู่เกาะมีเงินซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ แค่ 20$

ถ้าคิดตามสูตรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ (20 ลบ 100 = -80 แล้วนำ 80 หาร 2 = 40) เท่ากับว่าประเทศหมู่เกาะจะต้องส่งออกมะม่วงมายังสหรัฐฯ ด้วยภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น 40% ทั้ง ๆ ที่ประเทศหมู่เกาะไม่ได้มีมาตรการกีดกันทางการค้าต่อสหรัฐฯ แต่เพียงเพราะมีกำลังผลิตสินค้าให้ชาวอเมริกัน มากกว่ากำลังซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ เท่านั้น

ภาษีแพง เพราะแทนค่า φ ผิดจากความเป็นจริง

นอกจากนี้ การแทนค่า φ เท่ากับ 0.25 ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ยังสร้างเสียงโต้แย้งจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเศรษฐศาสตร์

เนื่องจากค่าความยืดหยุ่นของราคาสินค้านำเข้าเมื่อเทียบกับภาษีศุลกากร ตามหลักการแล้วควรจะมีค่าใกล้เคียงกับ 1

หากมีการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ตามค่า φ ที่นักเศรษฐศาสตร์แนะนำ ประเทศไทยจะมีอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ เพียง 8.8% เท่านั้น

ภาษีศุลกากรตอบโต้ใช้แม้กับประเทศที่สหรัฐฯ ได้ดุลทางการค้า

ความผิดปกติของมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรวมถึงการคิดภาษีศุลกากรตอบโต้ขั้นต่ำ 10% กับประเทศที่สหรัฐฯ ได้ดุลทางการค้าอยู่แล้ว ทั้ง สหราชอาณาจักร และ สิงคโปร์

นอกจากนี้ การนำดุลการค้าของสินค้ามาคำนวณภาษีศุลกากร โดยไม่นำดุลการค้าจากบริการของสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ ได้เปรียบดุลการค้ากับหลายประเทศอยู่แล้ว วิธีคำนวณดังกล่าวจึงทำให้นโยบายทางการค้าระหว่างประเทศไม่สะท้อนภาพรวมที่แท้จริง

ผลกระทบต่อชาวอเมริกันจากนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

ความเข้าใจผิดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ ยังมาจากการอ้างว่า การขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ชาวอเมริกันไม่ต้องแบกรับภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นทางการจีนที่จะเป็นฝ่ายจ่ายเงินภาษีศุลกากรให้กับสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ดี ภาษีศุลกากรคือภาษีรูปแบบหนึ่ง ซึ่งผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศคือผู้แบกรับภาระ ไม่ใช่ผู้ส่งออกสินค้าจากต่างประเทศอย่างที่กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ ผู้นำเข้าสินค้ามักจะกระจายภาระจากภาษีศุลกากรส่วนหนึ่งไปยังผู้บริโภค ผ่านการตั้งราคาสินค้าให้สูง ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของประชาชนอย่างชัดเจน

รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีศุลกากรจากการนำเข้าสินค้าจากจีนมาตั้งแต่ปี 1789 คิดเป็นเงินมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

เอริกา ยอร์ก จากสถาบัน Tax Foundation ยังเตือนว่า นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ นอกจากจะไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการค้าระหว่างประเทศแล้ว ยังอาจลดศักยภาพการส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐฯ ไม่ว่าจากนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของนานาชาติหรือภาวะความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2025/04/trumps-misleading-tariff-chart/
https://www.cbc.ca/news/business/trump-fake-tariff-rates-1.7501604
https://edition.cnn.com/2025/04/02/politics/fact-check-trump-tariffs-trade/index.html
https://ustr.gov/issue-areas/reciprocal-tariff-calculations
https://ustr.gov/countries-regions/southeast-asia-pacific/thailand

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย