สูตรภาษีสุดประหลาดของ “โดนัลด์ ทรัมป์”

13 เมษายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศใช้นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับนานาประเทศที่ผู้นำสหรัฐฯ อ้างว่าได้เปรียบดุลการค้ากับทางสหรัฐฯ

มาตรการที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายน และประกาศระงับเป็นเวลา 90 วันในสัปดาห์ถัดมา (ยกเว้นสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ถูกตอบโต้ด้วยอัตราภาษีศุลกากร 145%) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก มูลค่าตลาดหลักทรัพย์เวียงตัวอย่างฉับพลัน ความไม่แน่นอนดังกล่าวนำไปสู่ความกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกภายในปี 2025 นี้


อย่างไรก็ดี อัตราภาษีศุลกากรก่อนหน้าคำสั่งระงับที่กำหนดโดยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความกังขาไปทั่วโลกถึงความถูกต้องในการคำนวณ เนื่องจากไม่มีการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้คำนวณ ส่งผลให้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ต่อนานาชาติสูงกว่าความเป็นจริงอย่างมาก โดยก่อนคำสั่งระงับ ประเทศไทยเคยโดนตอบโต้ด้วยอัตราภาษีศุลกากรที่ 36%

สูตรคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ

เว็บไซต์ของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) เผยแพร่สูตรคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ


โดยกำหนดให้ ∆τi คือ อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากการนำค่าต่าง ๆ มาคำนวณ ได้แก่

i คือ ประเทศที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐฯ
xi คือ มูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศ i มายังสหรัฐฯ
mi คือ มูลค่าการนำเข้าสินค้าของต่างประเทศ i จากสหรัฐฯ
ε คือ ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาสินค้านำเข้า (ความรู้สึกของผู้ซื้อของราคาสินค้าที่สูงขึ้น)
φ คือ ความยืดหยุ่นของราคาสินค้านำเข้าเมื่อเทียบกับภาษีศุลกากร (โอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น)

USTR กำหนดให้ ε มีค่าเท่ากับ 4 และ φ มีค่าเท่ากับ 0.25

จากนั้นจึงหาค่า ∆τi ด้วยการนำ xi ลบ mi แล้วหารด้วยผลคูณของ ε φ และ mi

ตัวอย่าง สูตรคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศไทย

ข้อมูลของ USTR ระบุว่าปีที่แล้วสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าต่อประเทศไทยเป็นเงินมูลค่า 4.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากการนำเข้าสินค้าของไทยมูลค่า 6.33 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการส่งออกสินค้ามาไทยมูลค่า 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เมื่อนำตัวเลข 1.77 หมื่นล้าน ลบ 6.33 หมื่นล้าน เท่ากับ -4.5 หมื่นล้าน

4 คูณ 0.25 เท่ากับ 1 จากนั้นนำ 1 มาคูณกับ 6.33 หมื่นล้าน เท่ากับ 6.33 หมื่นล้าน

นำ 4.5 หมื่นล้าน มาหารด้วย 6.33 หมื่นล้าน เท่ากับ -72

เมื่อนำ -72 มาหาร 2 เท่ากับ -36 จะทำให้ประเทศไทยมีอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ ที่ 36%

ข้อได้เปรียบทางการค้า ไม่ใช่ข้ออ้างการใช้ “ภาษีศุลกากรตอบโต้

คิมเบอร์รี คลอสซิง ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Peterson Institute for International Economics ชี้แจงว่า ตัวเลขที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยต่อชาวโลก ไม่ใช่อัตราภาษีศุลกากรที่นานาชาติมีต่อสหรัฐฯ แต่เป็นข้อได้เปรียบทางการค้าที่แต่ละประเทศมีต่อสหรัฐฯ

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนอุปสรรคทางการค้าของสหรัฐฯ ที่แท้จริง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งวงการต่างลงความเห็นว่าเป็นสูตรการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ผิดหลักวิชาการ

เอริกา ยอร์ก รองประธานฝ่ายวิเคราะห์นโยบายภาษีของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ของสถาบัน Tax Foundation อธิบาย วิธีการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องขาดสามัญสำนึก พวกเขาไม่ใช้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคิดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้มาคำนวณแม้แต่น้อย ทั้ง ภาษีศุลกากร มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี หรือการกีดกันทางการค้ารูปแบบอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

ตัวเลขที่คิดขึ้นมาเองครั้งนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายที่พวกเขาประกาศใช้แม้แต่น้อย

หนังสือพิมพ์ New York Times อธิบายว่า ความแตกต่างระหว่างตัวเลขการนำเข้าและส่งออก ไม่ได้แปลความหมายเป็นอุปสรรคทางการค้าเสมอไป เพราะแต่ละประเทศมีความจำเป็นในการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าไม่เหมือนกัน ดังนั้นการได้เปรียบดุลการค้าไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องดีเสมอไป เช่นเดียวกับการขาดดุลการค้าไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องแย่เสมอไป

คิมเบอร์รี คลอสซิง ยกตัวอย่างว่า ถ้าสหรัฐฯ ทำการค้ากับประเทศหมู่เกาะที่ประชากรมีรายได้ต่ำ สหรัฐฯ นำเข้ามะม่วงจากหมู่เกาะมูลค่า 100$ แต่คนในประเทศหมู่เกาะมีเงินซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ แค่ 20$

ถ้าคิดตามสูตรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ (20 ลบ 100 = -80 แล้วนำ 80 หาร 2 = 40) เท่ากับว่าประเทศหมู่เกาะจะต้องส่งออกมะม่วงมายังสหรัฐฯ ด้วยภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น 40% ทั้ง ๆ ที่ประเทศหมู่เกาะไม่ได้มีมาตรการกีดกันทางการค้าต่อสหรัฐฯ แต่เพียงเพราะมีกำลังผลิตสินค้าให้ชาวอเมริกัน มากกว่ากำลังซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ เท่านั้น

ภาษีแพง เพราะแทนค่า φ ผิดจากความเป็นจริง

นอกจากนี้ การแทนค่า φ เท่ากับ 0.25 ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ยังสร้างเสียงโต้แย้งจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเศรษฐศาสตร์

เนื่องจากค่าความยืดหยุ่นของราคาสินค้านำเข้าเมื่อเทียบกับภาษีศุลกากร ตามหลักการแล้วควรจะมีค่าใกล้เคียงกับ 1

หากมีการคำนวณอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ตามค่า φ ที่นักเศรษฐศาสตร์แนะนำ ประเทศไทยจะมีอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ เพียง 8.8% เท่านั้น

ภาษีศุลกากรตอบโต้ใช้แม้กับประเทศที่สหรัฐฯ ได้ดุลทางการค้า

ความผิดปกติของมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรวมถึงการคิดภาษีศุลกากรตอบโต้ขั้นต่ำ 10% กับประเทศที่สหรัฐฯ ได้ดุลทางการค้าอยู่แล้ว ทั้ง สหราชอาณาจักร และ สิงคโปร์

นอกจากนี้ การนำดุลการค้าของสินค้ามาคำนวณภาษีศุลกากร โดยไม่นำดุลการค้าจากบริการของสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ ได้เปรียบดุลการค้ากับหลายประเทศอยู่แล้ว วิธีคำนวณดังกล่าวจึงทำให้นโยบายทางการค้าระหว่างประเทศไม่สะท้อนภาพรวมที่แท้จริง

ผลกระทบต่อชาวอเมริกันจากนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

ความเข้าใจผิดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ ยังมาจากการอ้างว่า การขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ชาวอเมริกันไม่ต้องแบกรับภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นทางการจีนที่จะเป็นฝ่ายจ่ายเงินภาษีศุลกากรให้กับสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ดี ภาษีศุลกากรคือภาษีรูปแบบหนึ่ง ซึ่งผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศคือผู้แบกรับภาระ ไม่ใช่ผู้ส่งออกสินค้าจากต่างประเทศอย่างที่กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ ผู้นำเข้าสินค้ามักจะกระจายภาระจากภาษีศุลกากรส่วนหนึ่งไปยังผู้บริโภค ผ่านการตั้งราคาสินค้าให้สูง ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของประชาชนอย่างชัดเจน

รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีศุลกากรจากการนำเข้าสินค้าจากจีนมาตั้งแต่ปี 1789 คิดเป็นเงินมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

เอริกา ยอร์ก จากสถาบัน Tax Foundation ยังเตือนว่า นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ นอกจากจะไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการค้าระหว่างประเทศแล้ว ยังอาจลดศักยภาพการส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐฯ ไม่ว่าจากนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของนานาชาติหรือภาวะความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2025/04/trumps-misleading-tariff-chart/
https://www.cbc.ca/news/business/trump-fake-tariff-rates-1.7501604
https://edition.cnn.com/2025/04/02/politics/fact-check-trump-tariffs-trade/index.html
https://ustr.gov/issue-areas/reciprocal-tariff-calculations
https://ustr.gov/countries-regions/southeast-asia-pacific/thailand

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย