ชัวร์ก่อนแชร์: RNA ในวัคซีน mRNA เข้าสู่นิวเคลียสและจีโนมของมนุษย์ได้ จริงหรือ?

13 พฤษภาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการบิดเบือนงานวิจัยโดยสื่อต่อต้านวัคซีน
  2. งานวิจัยไม่ได้ระบุว่ามี DNA ที่ถูกสังเคราะห์จาก RNA ของวัคซีนเข้าไปอยู่ในนิวเคลียส
  3. เป็นการทดลองกับเซลล์เพาะเลี้ยงของผู้ป่วยมะเร็ง ผลลัพธ์จึงไม่อาจเทียบกับผู้รับวัคซีนทั่วไปได้

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดย Epoch Times เว็บไซต์ที่มีประวัตินำเสนอเนื้อหาต่อต้านวัคซีนโควิด-19 อ้างว่า พบงานวิจัยที่ยืนยันว่า RNA ในวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA สามารถแทรกซึมเข้าสู่นิวเคลียสภายในเซลล์ของผู้รับวัคซีน นอกจากนี้ RNA จากวัคซีนยังถูกสังเคราะห์ให้กลายเป็น DNA และรวมเข้ากับจีโนมของผู้รับวัคซีน เป็นประเด็นที่หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) และหน่ายงาน Fact Checker ทั่วโลกต่างปฎิเสธมานาน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


งานวิจัยที่ Epoch Times กล่าวอ้าง เป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Lund University ในประเทศสวีเดน ตีพิมพ์ทางวารสารงานวิจัย MDPI เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2022 โดย มาร์คัส อัลเดนและคณะ ได้นำวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Pfizer-BioNTech ขนาด 0.5, 1 และ 2 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ไปทดลองกับเซลล์เพาะเลี้ยงตับมนุษย์ที่ป่วยเป็นมะเร็ง (Huh7)

สิ่งที่ทีมวิจัยตรวจสอบคือ ปริมาณของ LINE1 (long interspersed nuclear elements 1) ซึ่งเป็นยีนที่สามารถเคลื่อนที่บนสายของจีโนม (jumping genes) และทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงการจัดลำดับจีโนมในร่างกาย โดยมนุษย์มียีน LINE1 อยู่ถึง 17%

การเปลี่ยนแปลงการจัดลำดับจีโนมโดย LINE1 เกิดขึ้นเมื่อมีการทำงานร่วมกับเอ็นไซม์ Reverse Transcriptase (RT) ซึ่งมีหน้าที่สังเคราะห์ DNA โดยใช้ RNA เป็นแม่แบบ ซึ่งเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Reverse Transcription

การสำรวจของทีมวิจัยพบว่า เซลล์เพาะเลี้ยงที่ทดลองกับวัคซีน mRNA มีปริมาณ LINE1 เพิ่มขึ้นอย่างมาก และพบ DNA ที่เกิดจากการสังเคราะห์ RNA อีกด้วย ทีมวิจัยจึงสรุปว่า การที่วัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง DNA ภายในเซลล์ Huh7 ทำให้เกิดความกังวลว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech อาจทำการเปลี่ยนแปลงจีโนมของผู้รับวัคซีน และส่งผลเสียต่อยีนของผู้รับวัคซีนในอนาคต แม้จะไม่อาจรู้ได้ว่า DNA ที่ถูกสังเคราะห์จาก RNA จะเข้าไปอยู่ในจีโนมได้หรือไม่

อย่างไรก็ดี การที่ Epoch Times อ้างว่าผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า RNA จากวัคซีน mRNA เข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์ได้ เป็นการบิดเบือนผลการทดลอง เพราะผลวิจัยไม่ได้พบว่า DNA ที่ถูกสังเคราะห์จาก RNA สามารถเข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์ตามที่กล่าวอ้าง

รีส แพร์รี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิวัฒนาการไวรัส มหาวิทยาลัย University of Queensland แสดงผลการทดสอบจากงานวิจัยด้วยวิธี Immunofluorescence พบว่าปริมาณยีน LINE1 ที่เพิ่มขึ้น จะพบแต่ในส่วนไซโตพลาสซึมของเซลล์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ห่อหุ้มนิวเคลียสของเซลล์ แต่ไม่พบการมีอยู่ของ LINE1 ในนิวเคลียสของเซลล์แม้แต่น้อย

เดวิด กอร์สกี ศัลยแพทย์และนักวิจัยโรคมะเร็ง มหาวิทยาลัย Wayne State University ให้ความเห็นว่า งานวิจัยของมาร์คัส อัลเดนและคณะเป็นการวิจัยกับปรากฏการณ์จำลอง (Artificial) เนื่องจากเซลล์ที่ใช้ในการวิจัยเป็นเซลล์เพาะเลี้ยงให้ห้องปฏิบัติการ และเป็นเซลล์มะเร็งซึ่งมีปริมาณของ LINE1 มากกว่าเซลล์ปกติของมนุษย์ จึงไม่อาจเปรียบเทียบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเซลล์ของมนุษย์ที่มีสุขภาพแข็งแรงได้

นอกจากนี้ปริมาณวัคซีน mRNA ของ Pfizer-BioNTech ที่ใช้ในการทดลองยังมากกว่าปริมาณที่้ฉีดให้กับคนทั่วไป โดยปริมาณสูงสุดที่ทีมวิจัยใช้คือ 2 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และใช้กับเซลล์เพาะเลี้ยงที่มีจำนวน 2 แสนเซลล์ ส่วนวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech 1 โดส จะมีปริมาณ mRNA อยู่ที่ 30 ไมโครกรัมต่อผู้รับวัคซีน 1 คน

งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Lund University เป็นการต่อยอดงานวิจัยของลิกัว จางและคณะจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่สร้างข้อโต้แย้งในแวดวงวิทยาศาสตร์เมื่อปีที่แล้ว โดยเผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย PNAS เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2021

ทีมวิจัยได้นำเซลล์ไตตัวอ่อนมนุษย์ซึ่งถูกเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการมาเพิ่มปริมาณยีน LINE1 ก่อนจะทำให้เซลล์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลปรากฏว่า DNA ที่ถูกสังเคราะห์จาก RNA ของไวรัส ถูกพบในจีโนมของเซลล์ และเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ DNA ที่ถูกสังเคราะห์จาก RNA ของไวรัส จะเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื้อของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน

อย่างไรก็ดี จากการทดลองซ้ำโดยนักวิทยาศาสตร์หลายสำนัก ไม่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจีโนมตามที่ทีมวิจัยกล่าวอ้าง และสรุปว่าการวิจัยของลิกัว จางและคณะ เป็นงานวิจัยกับปรากฏการณ์จำลอง (Artificial) ไม่สามารถอ้างอิงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับวัคซีนจริงๆ โดยผู้เชี่ยวชาญที่ทำการตรวจสอบสรุปว่า โอกาสที่ DNA ที่ถูกสังเคราะห์จาก RNA ของไวรัส จะเข้าไปอยู่ในจีโนมของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นได้ยากมาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/study-lund-university-didnt-show-covid-19-mrna-vaccines-change-dna-epoch-times/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย