เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

7 ก.พ. – เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด


ตลอดทั้งวันนี้ยังมีผู้คนและรถยนต์จากเมืองเมียวดีของเมียนมา ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 มาเติมน้ำมันตามปั๊มในฝั่งไทยจำนวนมาก เพราะน้ำมันในเมืองเมียวดี เริ่มขาดแคลนหนัก โดยปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ 20 กว่าแห่ง มีน้ำมันสำรองไว้อีก 3 วันเท่านั้น

ยางมะตินติน เมี๊ยะ ประธานหอการค้าเมียวดีของเมียนมา ยอมรับว่าตอนนี้ชาวเมืองเมียวดี ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการตัดไฟฟ้าและน้ำมันจากฝั่งไทย โดยกระแสไฟฟ้าจากไทยส่วนใหญ่ใช้ในสถานที่ราชการและโรงพยาบาล แต่ในส่วนพื้นที่กลุ่มจีนเทาอยู่ห่างจากตัวเมือง 40 กิโลเมตร มีการเตรียมการรองรับไว้ล่วงหน้า ทั้งน้ำมัน ระบบไฟ และการใช้ดาวเทียม จึงไม่มีผลกระทบมากนัก ในฐานะภาคเอกชนและชาวเมียวดี อยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนมาตรการ โดยเฉพาะการส่งน้ำมันที่กระทบกับชาวเมียวดี และการค้าของทั้ง 2 ประเทศ เพราะรถสินค้าไม่มีน้ำมันที่จะไปส่งสินค้าได้ ในฐานะคนเมียวดี ไม่เห็นด้วยกับการมาตั้งฐานทำผิดกฎหมายของกลุ่มจีนเทา เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาและรัฐบาลไทยร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่า โดยตนเองได้ยื่นหนังสือไปยังรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศแล้ว เพื่อแก้ปัญหา โดยไม่กระทบกับคนชายแดน


ด้านนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ประชุมกับผู้ประกอบการท่าข้ามชายแดน 59 แห่งตามแนวชายแดน ที่ อ.แม่สอด กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้าที่ส่งข้ามไปต้องไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งสินค้าต้องห้ามตามมาตรการ โดยเฉพาะน้ำมัน ตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งให้หน่วยความมั่นคงเพิ่มความเข้มงวดในการคุมเข้มพื้นที่ชายแดน ป้องกันผู้คนที่จะลักลอบข้ามแดนมาฝั่งไทย หรือขนสินค้าต้องห้ามไปยังฝั่งเมียนมา รวมทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาชายแดนแม่สอด ซึ่งในช่วง 3 สัปดาห์ มีจำนวนลดลงกว่าครึ่ง

รถน้ำมันโอดติดค้างกว่า 40 คัน
หลังจากประเทศไทยปิดการส่งกระแสไฟฟ้าให้กับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 2 จุด ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยจังหวัดท่าขี้เหล็ก ได้ขอซื้อกระแสไฟฟ้าจาก สปป ลาว ที่อยู่ติดกัน มาทดแทน ปรากฏว่าวันที่ 6 ก.พ. ทาง สปป ลาว แจ้งล่วงหน้าเพียงครึ่งวันว่าจะลดการส่งกระแสไฟฟ้า จากเดิมกำหนด 30 เมกะวัตต์ เหลือเพียง 13 เมกะวัตต์

ด้านการข้ามพรมแดนยังคงพบว่ามีชาวเมียนมาข้ามไป-มาตามปกติ แม้จะมีกระแสสั่งงดใช้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต เดินทางข้ามพรมแดนประเทศไทย แต่ชาวเมียนมาและชาวไทยต่างใช้บอเดอร์พาส หรือบัตรผ่านแดนชั่วคราว ข้ามไป-มาได้ตามปกติ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นมาตรการตอบโต้รัฐบาลไทย ที่ตัดไฟฟ้าและงดส่งน้ำมัน โดยการสั่งการของรัฐบาลเมียนมาดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตอบโต้รัฐบาลไทย แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเมียนมาที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งเป็นการป้องกันการหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ตามคำสั่งคณะรัฐประหารได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศสำหรับชายอายุ 18-35 ปี ภายใต้กฎหมายการเกณฑ์ทหาร โดยไม่อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศจนกว่าจะผ่านกระบวนการเกณฑ์ทหาร


กรณีงดส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่าประชาชนยังคงนำรถไปเติมน้ำมันเชื้อเพลิงตามปั๊มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่มาตรการห้ามส่งออกน้ำมัน ตอนนี้ไม่เพียงแต่ในฝั่งเมียนมา ที่น้ำมันมีราคาสูงขึ้น ในฝั่งไทย ภาคการขนส่งก็ได้รับผลกระทบ โดยพบว่ารถขนส่งน้ำมันกว่า 40 คัน จอดรอบริเวณที่พักกรมทางหลวง บ้านน้ำจำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังไม่สามารถส่งน้ำมันไปจังหวัดท่าขี้เหล็กได้ เป็นไปตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ

คนขับรถขนส่งน้ำมันหลายคนนอนพักกันที่นี่ บางคนรอแล้ว 2-3 วัน ได้รับผลกระทบหนัก เพราะมีรายได้ขับรถเป็นเที่ยว หลายคนเพิ่งทราบห้ามส่งออกน้ำมัน มาทราบประกาศภายหลัง เมื่อมาแล้วต้องอยู่รอว่าจะเปิดให้รถข้ามเมื่อใด ผ่านมา 2-3 วันก็ต้องลุ้นอยู่ ต้องการให้ปล่อยรถที่มาก่อนได้นำน้ำมันไปส่งก่อน ถ้าหากอยู่แบบนี้ต่อไปคงลำบาก เพราะต้องออกค่าใช้จ่ายต่างๆ เอง จะไปไหนก็ไม่ได้

ทหารคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งพญาตองซู
พลตรี อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ผบ.กกล.สุรสีห์ เปิดเผยระหว่างกองทัพบกนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดน จ.กาญจนบุรี ระบุหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติมีมติให้ตัดกระแสไฟฟ้า 5 จุดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ ในส่วนชายแดนฝั่ง จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองพญาตองซู หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจชาวบ้าน ผู้ประกอบการ พร้อมเฝ้าระวังชายแดน และขอความร่วมมือไม่ให้มีการจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่จะสามารถทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า แต่ในส่วนของโซลาร์เซลล์ แม้จะไม่ได้มีการสั่งห้าม แต่ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการไม่นำออกไปจำหน่าย หรือขนย้ายข้ามประเทศผ่านศุลกากรโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม พื้นที่พญาตองซู สถานการณ์ยังเป็นปกติ และยังสามารถใช้ไฟฟ้าได้ เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้เครื่องปั่นไฟและแผงโซลาร์เซลล์ ขณะเดียวกันพบว่ามีการกักตุนน้ำมันมากขึ้น จึงกำชับผู้ประกอบการห้ามจำหน่ายน้ำมันให้กับฝั่งตรงข้ามเด็ดขาด รวมถึงปิดช่องทางธรรมชาติที่กลุ่มกองทัพมดจะใช้เป็นช่องทางในการลักลอบขนส่งน้ำมันและสายสัญญาณโดยผิดกฎหมาย

“ภูมิธรรม” โต้ข่าวเมียนมาปิดด่านชายแดน ก่อนตัดไฟคุยแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลเมียนมาโต้กลับรัฐบาลไทย ปิดด่านชายแดนบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (ด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก) โดยปฏิเสธให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต ข้ามแดนมายังประเทศไทย ว่าไม่น่าจะมีการตอบโต้ เพราะการดำเนินมาตรการนี้ได้พูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาก่อนแล้วที่จะร่วมมือกัน และภายหลังมีมติจากที่ประชุม สมช. ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังทางการเมียนมา เช่นเดียวกับฝ่ายทหารมีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของทางการเมียนมา ยืนยันการเข้า-ออกบริเวณด่านสะพานดังกล่าวยังเข้าออกได้ตามปกติ แต่ต้องมีการควบคุมสินค้าที่เป็นสิทธิต้องห้าม

วันนี้รถยนต์-รถจักรยานยนต์ ยังสามารถเข้ามาเติมน้ำมันในไทยได้ ยังอะลุ้มอล่วยเพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ขณะที่โรงพยาบาลเมียวดี ก็ประสานไปว่าหากมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลือ โรงพยาบาลแม่สอด พร้อมรับมาดูแลรักษา ส่วนมาตรการดังกล่าวจะยาวนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์ เราต้องการกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลง เบื้องต้นวางกรอบเวลาไว้ประมาณ 6 เดือน และดูว่าช่วงไตรมาสแรกจะเป็นอย่างไร ต้องดูผลกระทบและตัดสินใจ

กต.แจงข่าวการเดินทางข้ามเมียนมา-ไทยยังปกติ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงตามที่ได้ปรากฏรายงานข่าวว่าทางการเมียนมาได้ออกคำสั่งระงับการเดินทางข้ามแดนจากท่าขี้เหล็กไปยัง อ.แม่สาย ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2568 นั้นนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตได้ตรวจสอบจากทางการเมียนมาแล้ว ยืนยันว่ายังไม่มีการออกคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด โดยบุคคลสัญชาติเมียนมาที่ถือหนังสือเดินทางและมีวีซ่า ยังสามารถเดินทางเข้าไทยได้ปกติ

ทั้งนี้ ในวันนี้ (7 ก.พ.) บริเวณด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ยังมีบุคคลสัญชาติเมียนมาเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งด้วยบัตรผ่านแดน (border pass) และหนังสือเดินทาง นับร้อยราย กระทรวงการต่างประเทศจึงขอแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าว และขอยืนยันว่ารายงานข่าวบางกระแสที่ระบุว่าทางการเมียนมาสั่งระงับการเดินทางเพื่อตอบโต้มาตรการของไทยนั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

ตำรวจไซเบอร์พบคนไทยลอบส่งสัญญาณเน็ตบ้าน-ไฟฟ้า
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า จากปฏิบัติการลงพื้นที่ชายแดนด่านพระเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี วานนี้ (6 ก.พ.) ตรวจพบสายอินเทอร์เน็ตที่มีการลักลอบเชื่อมโยงออกจากผู้รับบริการชาวไทย ซึ่งเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้าน ดัดแปลงสัญญาณส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยโยงสายข้ามไปชายแดน ซึ่งพื้นที่บ้านของผู้ลักลอบมีถนนคั่นกลางกับประเทศเพื่อนบ้านเพียง 3-4 เมตร

นอกจากนี้ยังพบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของค่ายเอกชน หันเสาไปยังเขตเพื่อนบ้าน เชื่อว่าการส่งสัญญาณลักษณะนี้ไม่ได้ส่งให้คนไทยตามแนวชายแดนใช้ จึงประสาน กสทช. เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังพบว่า มีการลักลอบจ่ายกระแสไฟข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนนี้ได้ประสานทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ จุดที่ลักลอบส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงจ่ายกระแสไฟฟ้า ห่างกับที่ทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพียงไม่กี่เมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว มีชาวจีนและคนไทยหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวหลายคน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]