กรุงเทพฯ 23 ก.พ.-“จิรายุ” เผยนายกฯ รับรายงานจาก ผบ.ตร. หลังตำรวจไทยร่วมกับกัมพูชาทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตึกใหญ่ฝั่งปอยเปต ใกล้ตลาดโรงเกลือ พบคนไทยเกือบ 200 คน ต่างชาติอีกกว่า 100 คน เตรียมพร้อมสอบประวัติ บันทึกข้อมูลทุกมิติ ก่อนส่งกลับแต่ละประเทศ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจาก พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งตะวันตกบริเวณขอบชายแดนจังหวัดสระแก้วว่า รัฐบาลไทยได้ขอความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดย พล.ต.ต.จุม เรียง รอง ผบ.ตร.กพช. เจเรตำรวจได้ประสานงานกับ ผู้บัญชาการตำรวจของกัมพูชา นำกำลังเข้าตรวจค้นอาคาร 3 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ซึ่งอยู่ใน compound พลาซ่า ซึ่งสายข่าวจากประเทศไทยระบุว่ามีคนไทยส่วนหนึ่งถูกหลอกไปทำงานซึ่งสถานที่แห่งนี้ มีคนจีนเช่าทำธุรกิจพนันออนไลน์และหลอกลวงออนไลน์ ในกรุงปอยเปต จ.บันเตยเมียนเจย กัมพูชาตรงข้ามกับ บริเวณด่านคลองลึกตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศจังหวัดสระแก้ว โดยที่ดินและอาคารดังกล่าวมี ถูกระบุว่าเป็นของผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของจังหวัด จ.บันเตยเมียนเจย
จนท.ได้นำชาวต่างชาติออกมารวม 215 คน ในจำนวนนี้มีคนไทย 109 คน เป็นหญิงไทย 54 คน รวมเป็นคนไทย 163 คน นอกจากนี้ยังมีชาวไต้หวัน 5 คน ปากีสถาน 50 คน อินโดนีเซีย 3 คน อินเดีย 48 คน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและบันทึกประวัติของฝั่งกัมพูชาอยู่
โดยปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยขอความร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศโดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จเรตำรวจไทยเข้าพบ รอง ผบ.ตร. กัมพูชา เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายข่าวความมั่นคงระบุว่า นับว่าเป็นการนำคนไทยออกมาจำนวนมากจากตึกที่คาดว่าทำธุรกิจออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุด ของทั้งสองประเทศ และจะมีการระดมกวาดล้างต่อไปอย่างต่อเนื่อง
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่าในเช้าวันนี้ ผู้ช่วยทูตฝ่าย ตร.และฝายกงสุลของไทยจะเดินทางไป ที่ชายแดน ที่บริเวณด่านคลองลึกอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามความคืบหน้าและดำเนินการเอกสารการบันทึกประวัติและคัดกรองเพื่อสอบปากคำเบื้องต้นว่าบุคคลเหล่านี้เป็นเหยื่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่านายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมในการรับคนไทยและขอให้ปฏิบัติในการตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกมิติรวมทั้งให้เตรียมการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตต่างๆที่มีกลุ่มคนเหล่านี้ที่ถูกระบุ เพื่อเตรียมความพร้อมในกระบวนการทางกฎหมายต่างๆต่อไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของประเทศไทย.-312.-สำนักข่าวไทย
