ชัวร์ก่อนแชร์: FDA เผยวัคซีนโควิด 19 ทำให้มีคนตายนับแสนคน จริงหรือ?

16 กุมภาพันธ์ 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. เป็นคำกล่าวอ้างในช่วงการทำประชาพิจารณ์ของ FDA โดยผู้อ้างไม่ได้เป็นแพทย์หรือเป็นสมาชิกของ FDA
  2. รายงานผ่านระบบ VAERS ของสหรัฐฯ พบการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด 19 ประมาณ 8 พันเคสหรือเพียง 0.0021%

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกา โดยเว็บไซต์ The Exposé รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เปิดเผยว่าวัคซีนโควิด 19 เป็นอันตราย โดยทุกๆ 1 ชีวิตที่วัคซีนช่วยให้รอดพ้นจากโควิด 19 จะมีอย่างน้อย 2 คนที่เสียชีวิตเพราะวัคซีนโควิด 19 โดยเปรียบเทียบว่าทุกๆ การฉีดวัคซีนโควิด 19 จำนวน 1 ล้านโดส จะมีผู้เสียชีวิต 411 คน หรือคิดเป็นยอดผู้เสียชีวิตเกือบ 150,000 คน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


ข้ออ้างดังกล่าวนำมาจากการประชุมขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2021 เพื่อพิจารณาและลงคะแนนเห็นชอบการรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 3 ในสหรัฐฯ ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนและยาชีววัตถุที่เกี่ยวข้อง (VRBPAC) ของ FDA ไม่เห็นชอบการรับรองวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่ 3 แก่ประชาชนทั่วไป แต่ให้การรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 3 แก่ประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยหนักจากการติดเชื้อโควิด 19

ซึ่งข้ออ้างเรื่องอันตรายของวัคซีนโควิด 19 ในงานประชุมของ FDA มาจาก สตีฟ เคิร์ช ผู้ได้รับเชิญให้แสดงความคิดเห็นในช่วงการทำประชาพิจารณ์ โดย สตีฟ เคิร์ช มีตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัทแพลตฟอร์มด้านการเงินดิจิตอลและไม่เคยทำงานด้านการแพทย์ รวมทั้งมีประวัติเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพอีกด้วย

ทาง FDA ยืนยันว่า สตีฟ เคิร์ช ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางองค์การ และ FDA ก็ไม่สนับสนุนความคิดเห็นของ สตีฟ เคิร์ช อีกด้วย

หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ประเมินว่า การฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบโดสในจำนวนประชากร 1 ล้านคน จะช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากโควิด 19 ได้ถึง 7,081 ครั้ง ซึ่งหากเทียบกับยอดผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบโดสในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2021 ที่จำนวน 182,387,840 คน เท่ากับว่าการฉีดวัคซีนป้องกันการเสียชีวิตของผู้คนได้กว่า 1,291,488 ครั้ง

หากคำกล่าวอ้างของ สตีฟ เคิร์ช เป็นความจริง จะต้องมีผู้รับวัคซีนโควิด 19 ในสหรัฐฯ เสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,582,976 คน แต่ระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) พบว่ามีรายงานผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนโควิด 19 จนถึงวันที่ 27 กันยายนปี 2021 เพียง 8,164 คน หรือคิดเป็น 0.0021% ของผู้รับวัคซีนทั้งหมดในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สตีฟ เคิร์ช ยังอ้างข้อมูลเท็จว่าอาสาสมัครที่ทดลองวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer มีอาการหัวใจวายมากกว่าอาสาสมัครกลุ่มยาหลอกถึง 4 เท่า และยังพบว่าผู้รับวัคซีนโควิด 19 เกิดอาการหัวใจวายมากกว่าวัคซีนชนิดอื่นๆ ถึง 71 เท่า

งานวิจัยที่ศึกษาการทดลองวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer พบว่า อาสาสมัครที่รับวัคซีนโควิด 19 ของ Pfizer เกิดอาการหัวใจวาย 4 คน ส่วนอาสาสมัครกลุ่มที่ได้รับยาหลอกเกิดอาการหัวใจวายเพียง 1 คน แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่อาจระบุได้ว่าวัคซีนโควิด 19 มีอันตราย เพราะงานวิจัยดังกล่าวยืนยันว่า มีอาสาสมัครเสียชีวิตระหว่างการทดลองทั้งสิ้น 29 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับวัคซีน 15 คน (0.068%) และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก 14 คน (0.063%)

ส่วนรายงานการเกิดหัวใจวายของผู้รับวัคซีนโควิด 19 ที่ สตีฟ เคิร์ช กล่าวอ้าง เป็นการนำข้อมูลจากจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) มาอ้างอิง ซึ่งไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันคำกล่างอ้างได้ เนื่องจากเป็นรายงานที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบว่าอาการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากวัคซีนหรือไม่

นอกจากนี้ในสหรัฐฯ ยังมีกฎหมายบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนที่ผ่านการรับรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ต้องรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ของวัคซีนเข้าสู่ระบบ VAERS ทั้งหมด ทำให้วัคซีนโควิด 19 ซึ่งผ่านการรับรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน มีรายงานอาการข้างเคียงและการเสียชีวิตมากกว่าวัคซีนชนิดอื่นๆ

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/fda-experts-support-covid-19-vaccines-didnt-author-unsupported-allegations-of-vaccine-caused-deaths/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง