Dirty Tricks การใช้ข่าวปลอมโจมตีคู่แข่งทางการเมือง ตอน 1 ทำลายภาพลักษณ์คู่แข่ง

08 พฤษภาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


Dirty Tricks คือกลยุทธ์การสร้าวข่าวปลอมเพื่อโจมตีนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม

แม้ Dirty Tricks จะมีความคล้ายกับ Negative Campaigning แต่ขณะที่ Negative Campaigning คือการโจมตีขั้วตรงข้ามทางการเมืองด้วยข้อเท็จจริง แต่ Dirty Tricks คือการโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อมูลเท็จ ที่สร้างขึ้นให้ผู้คนหลงเชื่อโดยเฉพาะ


Brookings Institution องค์กรวิจัยของสหรัฐ ได้แบ่ง Dirty Tricks ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

1.ทำลายภาพลักษณ์คู่แข่งทางการเมือง
2.ล้วงความลับพรรคฝ่ายตรงข้าม
3.สร้างความสับสนให้กับผู้ลงคะแนน
4.แทรกแซงกระบวนการนับคะแนน

เอ็ดมูนด์ มัสกี ออกแถลงการณ์
หน้าสำนักพิมพ์ Manchester Union Leader

1.ทำลายภาพลักษณ์คู่แข่งทางการเมือง

“Canuck Letter”


ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 1972 ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ผู้คาดหวังการคว้าชัยหนที่ 2 มองว่าคู่แข่งคนสำคัญของเขาก็คือ เอ็ดมูนด์ มัสกี วุฒิสมาชิกรัฐเมน ตัวเต็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต

นำไปสู่แผนการทำลายคะแนนนิยม เอ็ดมูนด์ มัสกี ที่รู้จักในชื่อว่า “จดหมายคานัก”

คานัก คือคำสแลงที่ชาวอเมริกันใช้เรียกชาวแคนาดา

จดหมายคานัก คือจดหมายปลอม ๆ ที่ร่างโดยทีมงานของ ริชาร์ด นิกสัน เนื้อหาในจดหมายโจมตี เอ็ดมูนด์ มัสกี ว่าเคยแสดงการดูหมิ่นชาวคานักหรือชาวอเมริกันที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวแคนาดา และได้รับการตีพิมพ์โดย Manchester Union Leader หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์

แผนการดังกล่าวส่งผลเสียต่อ เอ็ดมูนด์ มัสกี อย่างรุนแรง เพราะรัฐนิวแฮมป์เชียร์มีประชากรจำนวนไม่น้อยที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส

นอกจากนี้ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ยังเป็นรัฐแห่งแรกที่เปิดให้มีการเลือกตั้งขั้นต้น (Primary Election) เพื่อหาตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของแต่ละพรรคอีกด้วย เป็นเวทีเลือกตั้งที่บ่งชี้แนวโน้มความนิยมในอนาคตซึ่งสื่อมวลชนให้การจับตาอย่างสูง

เพื่อต่อสู้กับข่าวปลอม เอ็ดมูนด์ มัสกี จัดการแถลงข่าวที่หน้าสำนักพิมพ์ Manchester Union Leader เพื่อประณามการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ แต่การแสดงความโกรธและความเสียใจระหว่างการแถลงข่าวของเขา กลับส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์อย่างมาก เมื่อสาธารณชนมองว่าเมื่อต้องเผชิญกับปัญหา เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้สมกับการเป็นผู้นำ

เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สถานะตัวเต็งพรรคเดโมแครตของ เอ็ดมูนด์ มัสกี เริ่มสั่นคลอน เค้าชนะการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ด้วยคะแนนที่น้อยกว่าที่คาด และสุดท้ายก็ต้องพลาดการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตให้กับ จอร์จ แม็คโกเวิร์น วุฒิสมาชิกรัฐเซาท์ดาโคตาไปในที่สุด

การเปลี่ยนตัวผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครต เป็นไปตามแผนการกำจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งของทีมงาน ริชาร์ด นิกสัน ส่งผลให้ ริชาร์ด นิกสัน คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างถล่มทลาย ด้วยคะแนน Electoral vote ถึง 520 ต่อ 17 คะแนน

จอห์น แม็คเคน และ บริดเจ็ต
บุตรบุญธรรมจากบังกลาเทศ

“Push Poll”

ริชาร์ด นิกสัน ยังเป็นผู้ริเริ่มการใช้เทคนิค Push Poll หรือวิธีการโทรศัพท์ไปหยั่งคะแนนนิยมตามบ้าน ด้วยข้อความที่แฝงความเห็นเพื่อชักจูงทางการเมือง

ชัยชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐครั้งแรกเมื่อปี 1946 ของ ริชาร์ด นิกสัน ก็เป็นผลจากการใช้เทคนิค Push Poll เมื่อเขาว่าจ้างหญิงสาวเป็นเงิน 9 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เพื่อให้เธอโทรศัพท์ไปตามบ้านผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง แล้วตั้งคำถามผู้รับสายว่า “รู้หรือไม่ว่า เจอร์รี วอริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตเป็นคอมมิวนิสต์?” ทั้ง ๆ ที่ เจอร์รี วอริส ไม่ใช่ผู้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์เลยแม้แต่น้อย

เทคนิค Push Poll ยังถูกนำมาใช้โดย จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ระหว่างการชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2000 โดยมีคู่แข่งคือ จอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนา

ผลการเลือกตั้งขั้นต้น (Primary Election) ในช่วงแรก ปรากฏว่า จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และ จอห์น แม็คเคน มีคะแนนนิยมที่ไล่เลี่ยกันอย่างมาก ดูไม่ออกว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

จนกระทั่งการเลือกตั้งขั้นต้นเดินทางมาถึงรัฐเซาท์แคโรไลนา พบรายงานว่ามีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงหลายรายได้รับข้อความทางโทรศัพท์ที่ตั้งคำถามว่า “คุณอยากจะโหวตให้กับจอห์น แม็คเคนมากขึ้นหรือน้อยลง หากรู้ว่าเค้ารับเลี้ยงเด็กผิวดำอย่างผิดกฎหมาย?”

ในช่วงเวลาดังกล่าว จอห์น แม็คเคน ออกเดินทางหาเสียงพร้อมกับสมาชิกในครอบครัว รวมถึง บริดเจ็ต เด็กหญิงชาวบังกลาเทศที่แม็คเคนรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมอย่างถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1991

การถูกใส่ร้ายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมในตัว จอห์น แม็คเคน อย่างมาก

ท้ายที่สุด ตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันก็ตกเป็นของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้ใช้โอกาสดังกล่าวกรุยทางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 43 ในปีเดียวกันนั้น จากชัยชนะอย่างฉิวเฉียดต่อ อัล กอร์ ตัวแทนพรรคเดโมแครต ด้วยคะแนน Electoral vote ที่ 271 ต่อ 266 คะแนนเท่านั้น

หนังสือโจมตี จอห์น เคอร์รี

“Swift Boat Veterans for Truth”

4 ปีต่อมา จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ต้องเผชิญกับคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่น่าหวั่นเกรงอย่าง จอห์น เคอร์รี วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ จากพรรคเดโมแครต ผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญจากวีรกรรมในสงครามเวียดนามมาแล้วมากมาย ต่างจากบุชผู้ลูกที่ไม่เคยออกรบเพื่อชาติ และยังได้รับเลือกเป็นกำลังพลในกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทางอากาศสหรัฐเพราะเส้นสายทางการเมืองอีกด้วย

แต่ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2004 ที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีใกล้เข้ามาทุกที เกิดการรวมตัวของกลุ่มทหารผ่านศึกที่เรียกตนเองว่า Swift Boat Veterans for Truth เพื่อตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการมอบเหรียญกล้าหาญให้กับ จอห์น เคอร์รี โดยกลุ่มทหารที่อ้างว่าเคยร่วมรบกับ จอห์น เคอร์รี ได้จัดการแถลงข่าว, ออกหนังสือ และผลิตโฆษณาทางโทรทัศน์เพื่อโจมตี จอห์น เคอร์รี อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ทีมงานหาเสียงของ จอห์น เคอร์รี กลับมองว่า การตอบโต้ข้อกล่าวหาอย่างไม่เหมาะสม อาจสร้างภาพลักษณ์แง่ลบแก่ จอห์น เคอร์รี ส่งผลให้การรับมือต่อข่าวปลอมเป็นไปอย่างล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพ

แม้ในเดือนถัดมา กองทัพเรือสหรัฐจะทำการตรวจสอบประวัติการรับใช้กองทัพ พร้อมยืนยันว่าการมอบเหรียญกล้าหาญให้กับ จอห์น เคอร์รี เป็นไปอย่างชอบธรรม แต่ความเคลือบแคลงที่อยู่ในใจสาธารณชน ส่งผลอย่างมากในการเลือกตั้งที่ความนิยมของผู้สมัครเป็นไปอย่างสูสี จนสุดท้ายชัยชนะการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ก็ตกเป็นของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง ด้วยคะแนน Electoral vote ถึง 286 ต่อ 251 คะแนน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.brookings.edu/blog/fixgov/2019/07/11/a-short-history-of-campaign-dirty-tricks-before-twitter-and-facebook/
https://politicaldictionary.com/words/dirty-tricks/
https://en.wikipedia.org/wiki/Canuck_letter
https://en.wikipedia.org/wiki/Push_poll
https://en.wikipedia.org/wiki/Swift_Vets_and_POWs_for_Truth

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.4 กำชับเร่งสืบจับมือวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี

ปัตตานี 20 มิ.ย. – แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี กำชับเร่งสืบจับผู้ก่อเหตุ เพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดฯ หลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ เข้าตรวจสอบความเสียหาย รวมถึงติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี พร้อมกำชับตำรวจและฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ และปรับแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดปัตตานี หลังเกิดเหตุระเบิด 3 ลูก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 มิ.ย.68) พบว่า เจ้าของร้านต่างเร่งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้กลับมาเปิดขายได้อีกครั้ง และพบว่าหลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ หนึ่งในนั้นคือ ร้านขายไก่ทอด ไก่ย่าง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ตัดสินใจเดินทางกลับ จ.ตรัง โดยบอกว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตั้งแต่ขายมา ไม่ว่าจะที่ จ.ยะลา หรือนราธิวาส จึงรู้สึกกลัว แม้อยากทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่รักชีวิตมากกว่า. – สำนักข่าวไทย

เขมรป่วน! นำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 20 มิ.ย. – กัมพูชาป่วนไม่เลิก ล่าสุดนำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ไล่นักท่องเที่ยวชาวไทยกลับ ทหารและฝ่ายปกครองต้องเตือนให้หยุด และให้กลับลงไปทันที นี่เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองของไทย เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาและพระสงฆ์กัมพูชา ประมาณ 15 รูป ซึ่งตอนแรกทำทีเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ (19 มิ.ย.68) แต่ต่อมากลับพากันมายืนที่จุดจีพีเอส ขวางประตูทางเข้าตัวปราสาทตาเมือนธม และพูดกับคนไทยที่มาเที่ยวชมปราสาท ในลักษณะจะไม่ให้เข้า และข้ามหลักจีพีเอสไป ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทยทั้งหมด ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง อ.พนมดงรัก ที่ปฏิบัติการที่ปราสาทตาเมือนธม เห็นเข้า จึงรีบเข้าไปแจ้งเตือนและให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยมีทหารฝ่ายกัมพูชาเข้ามาร่วมชี้แจงด้วย ก่อนจะพาชายคนดังกล่าวพร้อมคณะกลับลงไปฝั่งกัมพูชาทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกัมพูชาใช้ฐานปฏิบัติการทหารที่อยู่ตรงข้ามกับปราสาทตาเมือนธม เป็นจุดรวมผู้คนและพระสงฆ์ที่เกณฑ์มา ให้มารวมตัวกัน โดยทหารกัมพูชาที่มาอำนวยความสะดวกบริเวณปราสาทตาเมือนธม จะเป็นผู้รายงานว่า ฝั่งไทยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร นักท่องเที่ยวชาวไทยขึ้นมาเยอะหรือไม่ จากนั้นก็จะแจ้งให้ทางกัมพูชาทราบและจัดคนขึ้นมาที่ตัวปราสาท แล้วก็มาป่วน พยายามสร้างกระแสยั่วยุฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ทบ.แจงเหตุมวลชนเขมรบุกร้องเพลงบนปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ การยั่วยุลักษณะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา […]

ไมค์โขกหัวนายกฯ

นายกฯ โพสต์แจง “ไมค์โขกศีรษะ” นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ

กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- นายกฯ อิ๊งค์ แจงไมค์โขกศีรษะ นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ บอกหน้างานเบียดกันมาก โดนไม่แรง พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านสตอรี่ไอจี กรณีมีไมค์ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งโดนศรีษะของนายกรัฐมนตรี ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และนายกรัฐมนตรีได้อุทาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า วันนี้ที่มีข่าวเรื่องไมโครโฟนโขกศีรษะ

รองเลขาธิการนายกฯ แจ้งความดำเนินคดี “ฮุนเซน”

กทม. 20 มิ.ย.-“สมคิด” รองเลขาธิการนายกฯ เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดี “ฮุนเซน” กรณีคลิปเสียงหลุด ยันไม่ได้แก้เกี้ยวให้ “แพทองธาร” ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซน กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ความยาว 17.6 วินาที ที่หลุดออกมาจากฝั่งเขา จนสร้างความแตกแยก จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับภัยความมั่นคง ยืนยันไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวให้กับนายกฯ และไม่ได้เรียนให้นายกฯ ทราบว่าจะมาแจ้งความ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยืนยันไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร เป็นคนไทยหรือต่างชาติ หากทำลายความมั่นคง ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ โดยตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน สืบค้นแหล่งที่มาของต้นโพสต์ หารือกับอัยการสูงสุดและประสานสถานทูตประเทศนั้น เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนจะได้ตัวหรือไม่ ไม่อยากให้คาดการณ์.-สำนักข่าวไทย