ACT แนะทุกภาคส่วนหนุน “คบเด็กสร้างชาติ” ดึงคนรุ่นใหม่ผสานพลังสังคม

กทม. 6 ก.ย. – ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เตือนอย่ามองข้าม “คนรุ่นใหม่” แนะทุกภาคส่วนหนุน “คบเด็กสร้างชาติ” ดึงคนรุ่นใหม่ผสานพลังสังคมร่วมยกระดับเครื่องมือตรวจสอบการโกง ด้าน 5 องค์กรเทคภาครัฐ พร้อมสนับสนุนผลักดัน เครื่องมือปราบโกง ให้ใช้งานได้จริง


เมื่อวันที่ 6 ก.ย. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2564 ภายใต้แนวคิด “คบเด็กสร้างชาติ” ในรูปแบบ Online Event ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน โดยเชิญชวนหน่วยงาน องค์กรทั้งราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ร่วมแสดงพลังต่อต้านคอร์รัปชัน ด้วยการแชร์ Live พร้อมติด hashtag #ชื่อหน่วยงาน #วันต่อต้านคอร์รัปชัน2564 #คบเด็กสร้างชาติ มีหลายหน่วยงาน หลายองค์กรให้ความสนใจร่วมทำกิจกรรมอย่างคึกคัก

นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวเปิดงานว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ร่วมกับองค์กรสมาชิก และเครือข่าย ได้จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในวันที่ 6 กันยายน เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา เพื่อเป็นเวทีแสดงออกถึงพลังของทุกภาคส่วนในการร่วมแก้ปัญหาการโกงกินที่กัดกร่อนประเทศไทยมาอย่างยาวนาน หลายปีที่ผ่านมาองค์กรฯ ให้ความสำคัญและผลักดันการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐเพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ ช่วยในการต่อต้านการโกงในทุกระดับ จึงได้พัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ภายใต้โครงการ ACT Ai และในปีนี้องค์กรฯ ได้จัดกิจกรรม ACTkathon 2021 ชวนคนรุ่นใหม่มาร่วมแข่งขันออกไอเดียสร้างเครื่องมือต้านโกงพัฒนาต่อยอดการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี เพิ่มความโปร่งใส สร้างการมีส่วนร่วม จากพลังที่เต็มเปี่ยมด้วยความสามารถและความตั้งใจของคนรุ่นใหม่ทุกทีม ได้จุดประกายความหวังว่าพลังของคนรุ่นใหม่จะสืบทอด ขยายผล ขยายฐานการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะร่วมสร้างอนาคตประเทศไทยให้ดีขึ้น จึงอยากเรียกร้องหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ หรือภาคประชาสังคม ร่วมทำงานกับคนรุ่นใหม่ทั้งในองค์กร หรือในสังคมภายนอก โดยองค์ประกอบความเป็นเด็กสร้างชาติ มี 3 ข้อ คือ 1. ออกแบบอย่างเป็นระบบ จากการเริ่มตั้งคำถามเชิงลึกของเหตุการณ์ที่ไม่ปกติที่เกิดขึ้นในสังคมรอบตัว 2. เข้าถึงและประมวลผลจากฐานข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อวิเคราะห์และค้นหาคำตอบโดยใช้ฐานข้อมูล อย่างโปร่งใส 3. สามารถขยายผล “ขนาดใหญ่” จากที่คนจำนวนมากสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่ปกติในสังคม


“ดังนั้น “คนรุ่นใหญ่” จะต้องร่วมผนึกกำลังกับ “คนรุ่นใหม่” ให้มากขึ้น เพื่อร่วมพัฒนาประเทศไปด้วยกัน อันเป็นที่มาของชื่องานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้ว่า “คบเด็กสร้างชาติ” ผม และทุกคนใน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) “คบเด็กสร้างชาติ” เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คนรุ่นใหญ่พร้อมที่จะจับมือคนรุ่นใหม่ “สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน” ให้เป็น “พลังสังคมขนาดใหญ่” ที่ขับเคลื่อนให้คนไทยและสังคมไทยไม่ยอมรับ และออกมาร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน ร่วมเดินไปด้วยกันให้ถึงเป้าหมายปลายทางเดียวกัน คือ การได้เห็นประเทศไทยของเราที่ปราศจากการคอร์รัปชันในอีกไม่ไกล” นายวิเชียร กล่าว

“คนรุ่นใหม่” เผยเบื้องหลังสุดล้ำปล่อยพลังพัฒนาเทคโนโลยีจับทุจริต
ในงานได้มีเปิดไอเดียของ “เด็ก” ในการคิดค้นเครื่องมือ “สร้างชาติ” โดยนำ 3 ทีมที่ชนะเลิศการนำเสนอไอเดีย ACTkatron 2021 คือ ทีมกินยกแก๊ง Corruption Analysis ที่มาของโครงการคือ ความพยายามจัดการกับข้อมูลของรัฐที่กระจัดกระจาย มีข้อมูลจำนวนมาก ขาดการเชื่อมโยงกัน โดยได้สร้างเครื่องมือเพื่อวิเคราะห์ ว่าโครงการไหนมีโอกาสจะเกิดคอร์รัปชันบ้าง บริษัทที่ได้งบประมาณไปมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหรือไม่ และโครงการที่เราสนใจมีโอกาสที่จะเกิดการฮั้วประมูลหรือไม่

ทีมขิงบ้านเรา สนใจงบประมาณของท้องถิ่นที่คนมักจะมองข้าม การนำฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้วบน ACT Ai มาออกแบบใหม่และนำเสนอให้เข้าใจง่ายขึ้น เลือกเฉพาะข้อมูลในส่วนของการบริหารส่วนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การ “ให้คนในชุมชนรู้จักชุมชนของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น”


ทีม PICA เรดาร์จับโกง แอปพลิเคชันร้องเรียนที่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของโครงการ โดยผู้ที่ต้องการร้องเรียนลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนและเก็บข้อมูลไว้ในบล็อกเชน PICA สามารถทำงานได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ข้อมูลที่ได้จะส่งต่อให้ภาคีต่อต้านการคอร์รัปชัน

5 องค์กรเทคภาครัฐพร้อมสนับสนุนผลักดัน เครื่องมือปราบโกง ให้ใช้งานได้จริง
ทางองค์กรต้านคอร์รัปชันฯ ยังได้เชิญ 5 องค์กรเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพูดคุยในหัวข้อ Mentors Perspective : แผนการต่อยอดเครื่องมือ-What’s Next for ACTkathon เพื่อมาพูดคุยถึงการทำให้ไอเดียของคนรุ่นใหม่ใช้งานได้จริง

รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) กล่าวว่า จีบีดีไอเป็นหน่วยงานที่ดูเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับบิ๊กดาต้าภาครัฐ ดังนั้น ถ้าทีมใดต้องการข้อมูลในการต่อยอด สิ่งที่ให้ความช่วยเหลือได้ คือ การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญสาย AI ที่สามารถเข้ามาช่วยแนะนำได้ หรือกลุ่มที่ต้องการเชื่อมโยงประวัติของนักการเมือง จีบีดีไอพอจะมีคนช่วยให้คำแนะนำ รวมทั้งการสนับสนุนในส่วนของเทคโนโลยี

ดร.อณูวรรณ วงศ์พิเชษฐ์ รองผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมประเทศไทย (TIJ) กล่าวว่า รู้สึกชื่นชมกับเครื่องมือที่คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาขึ้นมา และอยากเป็นพื้นที่ต่อยอดให้ประเด็นที่เกี่ยวกับความเป็นธรรมและความยุติธรรมของสังคมได้ถูกนำไปแก้ไข โดยได้ตั้งสำนักนวัตกรรมเพื่อความยุติธรรมขึ้น เพื่อมุ่งหวังให้เกิดระบบนิเวศและความคิดนอกกรอบ ซึ่งได้เปิดพื้นที่เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน รวมถึงนักคิดนักสังคม และในปลายปีหน้าจะเปิดพื้นที่ สำหรับประชาชนทุกช่วงวัยได้เข้ามาเรียนรู้ถึงการนวัตกรรมเพื่อสังคม

ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยกาสำนังานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) กล่าวว่า ข้อมูลจะทำให้เราเห็นและตั้งคำถามได้ บทบาทของดีจีเอ คือการทำให้หน่วยงานรัฐสบายใจที่จะเปิดเผยข้อมูล โดยจะขับเคลื่อนประสานกับหน่วยราชการให้นำข้อมูลเปิด (Open Data) ไปต่อยอดได้ โดยมุ่งไปที่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือข้อมูลพื้นฐาน 6 ด้าน คือ เกษตร เอสเอ็มอี การศึกษา สวัสดิการประชาชน ความโปร่งใส และสุขภาพ โดยบูรณาการทำให้ข้อมูลเปิดมีมากขึ้น

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า การเอาเด็กรุ่นใหม่มาทำเรื่องทุจริตเป็นเรื่องที่ดีมาก การจะทำให้เกิดการนำนวัตกรรมไปใช้ได้จริงคงต้องเริ่มจากเจ้าของข้อมูลที่ยินยอมให้นำข้อมูลมาใช้ได้ DEPA พร้อมให้การสนับสนุน การนำเครื่องมือไปพัฒนาต่อทั้งด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและหาช่องทางที่จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาเครื่องมือให้ใช้งานได้จริง

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์กรมหาชน) กล่าวว่า NIA พร้อมสนับสนุนทุนเพื่อทำให้นวัตกรรมนำไปใช้งานได้จริง เราหวังว่าจะทำให้เกิดนวัตกรรมสังคม คือ เกิดนวัตกรรมของภาครัฐ นวัตกรรมของภาคสังคม เป็นการสร้างประชาธิปไตยทางนวัตกรรม

ดร.มานะ นิมิตร มงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทุกหน่วยงานการสนับสนุนเครื่องมือต้านโกง เรื่องเงินและเทคโนโลยีไม่ใช่หัวใจสำคัญ การสนับสนุนด้วยการเปิดเผยข้อมูลและการนำเครื่องมือไปใช้จะเกิดประโยชน์มากกว่าในการทำให้เครื่องมือมีความสมบรูณ์มากมากขึ้น หากทุกหน่วยงานมาร่วมกันพัฒนาเครื่องมือให้เข้มแข็งและทรงพลังมากขึ้นคือการสนับสนุนที่เราต้องการ คนรุ่นใหม่ได้มาให้ไอเดียแล้วถึงเวลาที่คนรุ่นใหญ่จะช่วยสนับสนุนเพื่อให้การสร้างเครื่องมือต่อต้านการคอร์รัปชันเกิดขึ้นได้จริง

ทีมพัฒนา ACT Ai ต่อยอดพัฒนาตัวตรวจงบโควิด-19 โครงการก่อสร้างภาครัฐ พร้อมตั้งเป้าสร้างระบบนิเวศปราบโกงเชื่อมโยงเครื่องมือไฮเทคตรวจทุจริต ในงานยังมีการนำเสนอแนวทางพัฒนาเครื่องมือ ACT Ai ให้รองรับ-เชื่อมต่อเครื่องมือต้านโกง โดย ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค และนายณัฐภัทร เนียวกุล ผู้ดูแลโปรเจ็กต์ ACT Ai

นายณัฐภัทร กล่าวว่า ACT Ai คือ ทำให้มีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการต่อต้านการคอร์รัปชัน การเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความโปร่งใสและการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน โดยเริ่มจากข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และข้อมูลนิติบุคคลที่มีความสำคัญมาก จากนั้นจึงพัฒนาต่อจน ACT Ai ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพความสำเร็จของ ACT Ai คือการมีประชาชนเข้ามาใช้เครื่องมือ 40,000 – 50,000 ราย การตรวจสอบเสาไฟฟ้ากินรี ก็เป็นสิ่งที่ค้นพบด้วย ACT Ai ยังได้พัฒนาตัวจับโกงงบโควิด-19 เพราะการแก้ไขปัญหาโควิด -19 เกี่ยวกับโครงการเงินกู้ 4 แสนล้านบาท และยังได้พัฒนาเครื่องมือตรวจสอบงบประมาณก่อสร้างร่วมกับกรมบัญชีกลาง เพื่อนำข้อมูลมาเป็นส่วนเชื่อมและส่วนขยายของ ACT Ai ตัว ACT Ai จึงเป็นเครื่องมือที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการตรวจสอบการคอร์รัปชันรอให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับระบบนิเวศของ ACT Ai ในภาพใหญ่ ตัว ACT Ai ชุดข้อมูลที่เราเตรียมไว้สามารถนำไปใช้ได้กับไอเดียที่เกิดขึ้นใหม่สามารถเชื่อมโยงกับ ACT Ai ได้ทันที โดยเอาข้อมูลที่เราเตรียมไว้ไปใช้ได้ทันที

ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค กล่าวว่า ACT Ai เป็นจุดเริ่มต้นของระบบนิเวศการต้านโกง เมื่อเราทำให้การเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้นได้แล้ว จึงต้องมีระบบนิเวศเชื่อมต่อข้อมูลมีเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาใช้งานจะทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันเกิดขึ้น Open Data เป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ข้อมูลมีความง่ายสามารถติดตามได้ เครื่องมือที่ได้จากทีมที่มาเสนอไอเดียทำให้เกิดระบบนิเวศที่ชัดเจนที่จะช่วยสนับสนุนให้เครื่องมือเกิดประสิทธิภาพที่แท้จริง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]