รพ.แจงเหตุผู้ป่วยโควิดนอนรอข้างถนน

กรุงเทพฯ  22 ก.พ. – รพ.นพรัตนราชธานี แจงกรณีผู้ป่วยมารอตรวจหาเชื้อในวันหยุด แต่ รพ.บอกให้มาใหม่วันเวลาราชการ ต้องนอนรอข้างถนน พร้อมขออภัย เหตุมีผู้รับบริการมาก-สื่อสารคลาดเคลื่อน จากนี้เปิดตรวจทุกวันไม่มีวันหยุด ด้านกรมการแพทย์เผยเตรียมแผนขยายเตียง ดึงเครือข่าย รพ. คณะแพทย์-รพ.สังกัด กทม.รองรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มแล้ว


จากกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ในโซเชียล หลังมีผู้ป่วยรายหนึ่งอายุ 44 ปี อาชีพไรเดอร์ติดโควิด-19 มีผลตรวจเอทีเคเป็นบวก มีไข้และไอเป็นลิ่มเลือด ต้องอาศัยนอนข้างถนน เพราะไม่กล้ากลับบ้านกลัวจะแพร่เชื้อสู่ครอบครัว และมาตรวจที่ รพ.นพรัตน์ราชธานี เมื่อวันที่ 19 ก.พ. แต่เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองกลับบอกว่าเป็นวันหยุดราชการให้มาตรวจใหม่วันจันทร์ แต่เมื่อมารอรับบัตรคิวตั้งแต่ตีห้าตามคำแนะนำ ปรากฎว่าบัตรคิวเต็มแล้ว และแม้จะพยายามโทร 1330 เจ้าหน้าที่บอกว่าจะโทรกลับ แต่ก็เงียบหายไป ภรรยาจึงร้องขอให้กลุ่มเส้นด้ายเข้าช่วยเหลือ นั้น

ล่าสุด รพ.นพรัตนราชธานี ออกแถลงการณ์ระบุ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าว มีสิทธิบัตรทอง โดยมีชื่อ รพ.ในบัตรเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ที่มี รพ.นพรัตนราชธานีเป็นสถานพยาบาลรับ-ส่งต่อในระดับตติยภูมิ ทั้งนี้ ชี้แจงว่า รพ.นพรัตนราชธานี เปิดให้บริการผู้ป่วยโควิด โดยรักษาผู้ป่วยในกรณีที่มีอาการหนัก และให้บริการผู้ป่วยนอก ARI คัดกรองผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เฉพาะในวันจันทร์-ศุกร์  กรณีผู้ป่วยรายดังกล่าวมารับบริการ เพื่อตรวจหาเชื้อเช้าวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. 2565 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงแนะนำให้กลับบ้านก่อนและปฏิบัติตามมาตรการทางการแพทย์ และให้มาตรวจซ้ำวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. ซึ่งผู้ป่วยมาตามคำแนะนำ แต่เนื่องจากมีผู้รอรับบริการจำนวนมาก ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร รพ.ต้องขออภัยในความผิดพลาด ยืนยันว่า รพ.ให้ความสำคัญและขอบคุณการร้องเรียน เพื่อให้มีการแก้ไขปรับปรุง และเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงจะเพิ่มให้บริการตรวจคัดกรองโควิดในวันหยุดราชการตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป


ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ พาทีมข่าวดูการให้บริการครบวงจรสำหรับผู้ป่วยโควิดของ รพ. พร้อมเปิดเผยว่า จากเคสนี้ทำให้รู้จุดบกพร่อง ซึ่งพร้อมปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เคสนี้คนไข้มาเช้าวันอาทิตย์ยังไม่มีผลอะไรยืนยัน จึงไปตรวจเองที่คลินิกพอผลตรวจออกช่วงเย็นในเช้าวันจันทร์จึงมีผลบวกมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่ยอมรับว่ามีผู้ใช้บริการมาก ทำให้ในวันดังกล่าวสื่อสารผิดพลาดคลาดเคลื่อน โดยจากการตรวจสอบพบว่า รพ.เตรียมอีอาร์และวอร์ดไว้รองรับคนไข้รายนี้แล้ว แต่คนไข้ไม่มา ทราบต่อมาภายหลังว่าผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาในฮอสพิเทล รพ.เอกชนแห่งหนึ่งแล้ว

โดยที่ รพ.นพรัตนราชธานี ยังเป็นจุดให้บริการผู้ป่วยระบบ Home Isolation รวมทั้งให้บริการศูนย์พักคอย CI 2 แห่ง ที่ รพ.ดูแล คือ ศูนย์พักคอยรามคำแหงมีผู้ป่วยอยู่ขณะนี้ 130 ราย เริ่มจะตึงแล้วเพราะรองรับได้ทั้งหมด 160 ราย และอีกที่คือศูนย์พักคอยคันนายาว มีผู้ป่วย 199 ราย จึงมีแผนจะเปิดศูนย์พักคอยเพิ่มเติมอีก

ย้ำว่าผู้ป่วยที่มีผลเอทีเคบวก ขอให้โทรเข้าช่องทาง 1330 เข้าระบบ ก่อนไม่เกิน 6 ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ส่วนจากกรณีนี้มีความรับผิดชอบต่อสังคมไม่กล้ากลับบ้านกลัวแพร่เชื้อนั้น จริง ๆ แล้ว สามารถกลับไปรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับที่บ้านก่อนได้ เพียงแค่ต้องรักษาระยะห่าง แยกตัวไม่ใกล้ชิดคนในบ้านเท่านั้น


อธิบดีกรมการแพทย์ ยังเปิดเผยขณะนี้ภาพรวมมีการครองเตียงประมาณ 60%  สถานการณ์ภาวะเตียงตึงไม่เท่ากัน บางโรงพยาบาลเตียงจะตึงมาก เช่น รพ.เด็ก บางวันมีผู้ป่วย 80% บางวัน 90% ก็ต้องใช้วิธีหมุนเวียน หากอาการเริ่มดีก็กลับไป HI ต้องหมุนกันวันต่อวัน พร้อมเผยเตรียมแผนขยายเตียงเพิ่ม ดึงเครือข่าย รพ.คณะแพทย์ และ รพ.สังกัด กทม.  ขอให้ลดการให้บริการปกติลง 15-20% เพื่อขยายเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มเติม เนื่องจากบางรายเป็นกลุ่มสีเขียว แต่มีโรคอื่นร่วมด้วย ก็จะต้องถูกจัดเป็นสีเหลือง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย