กรมควบคุมโรคห่วงการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัด

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – กรมควบคุมโรค ห่วงการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัด หลังราชกิจจาฯ ประกาศปิดแคมป์คนงาน และประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ขอความร่วมมือแต่ละจังหวัด เฝ้าระวัง ค้นหา และติดตามการเดินทางเข้าออกในทุกหมู่บ้าน


วันนี้ (27 มิถุนายน 2564) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของกรมควบคุมโรค พบว่า ในกรุงเทพฯ มีแรงงานติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก และพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในหลายพื้นที่ของปริมณฑล อีกทั้งใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีการประกาศการใช้มาตรการควบคุมและชะลอการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างน้อยเป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.64 ซึ่งการปิดแคมป์คนงาน อาจทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของแรงงาน หรือการเดินทางของประชาชน เพื่อกลับภูมิลำเนานั้น กรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้ตั้งทีมค้นหา เฝ้าระวัง และป้องกันโรคในทุกอำเภอ หมู่บ้าน เพื่อสำรวจจัดทำฐานข้อมูลผู้เดินทางกลับภูมิลำเนา พร้อมให้ความรู้ในการแยกตัวสังเกตอาการ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่น และอยู่ในที่พักจนครบ 14 วัน

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 โดยสรุปมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ดังนี้


  1. สกัดกั้นการระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล คือ จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดภาคใต้ คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา
  2. ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง และปฏิบัติการตามมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) ในสถานประกอบการและโรงงาน ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
  3. เพิ่มมาตรการให้เข้มงวดขึ้น คือ 1) งดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้าน 2) ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ถึงเวลา 21.00 น. เท่านั้น 3) โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมเปิดได้ แต่ให้งดกิจกรรมการประชุม การสัมมนา และการจัดเลี้ยง 4) ห้ามรวมกลุ่มมากกว่า 20 คน
  4. เมื่อพบการระบาดกลุ่มก้อนให้พิจารณาปิดชุมชนหรือจำกัดการเคลื่อนย้าย
  5. ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ และบุคคลอื่นตามความเหมาะสม
  6. ให้เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อคัดกรองการเดินทาง ควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัดอย่างเข้มงวด
  7. ให้เจ้าพนักงานเข้มงวด มิให้มีการลักลอบหรือรวมกลุ่มมั่วสุม เล่นการพนัน เสพยาเสพติด รวมกลุ่มแข่งรถ หรือการฝ่าฝืนเปิดสถานบริการในพื้นที่ที่มีข้อกำหนด และให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเตรียมพร้อมในการรับแจ้งเบาะแส เหตุฉุกเฉินจากประชาชน
  8. ใช้มาตรการ Work Form Home เพื่อลดการเดินทางและการสัมผัสระหว่างบุคคล โดยให้ดำเนินการทั้งหมดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอย่างน้อย 30 วัน

นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอความร่วมมือทุกจังหวัดปฏิบัติตามแนวทางที่ ศบค.กำหนด ตั้งแต่ตรวจ คัดกรอง เตรียมมาตรการเฝ้าระวัง ติดตาม การเข้าออกจากจังหวัด หากพบผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ดำเนินการคุมไว้สังเกตอาการ แยกกัก หรือกักกันในพื้นที่พำนักหรือสถานที่ที่ราชการกำหนด ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกอบการงดการเคลื่อนย้ายแรงงานออกจากพื้นที่ และหากแรงงานมีความจำเป็นต้องกลับภูมิลำเนา ขอให้สังเกตอาการตนเองก่อนการเดินทาง หากมีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ ขอให้งดเดินทาง ควรอยู่ในที่พักและสังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ระหว่างการเดินทางไม่ควรแวะพักหากไม่จำเป็น เมื่อถึงจังหวัดปลายทาง ขอให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมสนับสนุนการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการปฏิบัติงานคัดกรองเชิงรุก เร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเพื่อจำแนก จำกัดขอบเขตการแพร่ระบาดของโรค และเร่งกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามแผนกระจายวัคซีนของ ศบค. ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว จำนวน 9,055,141 โดส (ข้อมูลวันที่ 28 ก.พ. – 26 มิ.ย. 2564) และขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง วัดไข้และสแกนไทยชนะเมื่อเข้าใช้สถานที่ หากพบเห็นการฝ่าฝืนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ขอให้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อจังหวัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง