สธ.ตั้ง กก.สอบเด็กแรกเกิดตายหลังคลอด

สธ.12 ต.ค.-สธ.ตั้งกรรมสอบเด็กแรกเกิดตายหลังคลอด หลังทนายอัจฉริยะหอบ 3 ครอบครัวร้อง พร้อมขู่ให้เร่งแจงผลภายใน 7 วัน ด้าน ผอ.รพ.แจง มีเด็กตายจริงใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดรอบ 4 เดือนแค่ 14 ศพ พร้อมยกเลิกสัญญาจ้างหมอสูติ ที่ทำคลอดจนมีเด็กตาย 3 ศพ


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำ 3 ครอบครัวที่บุตรเสียชีวิต ที่รพ.สมุทรสาคร มาร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมขีดเส้นให้เร่งทำความจริงให้ปรากฎภายใน 7 วัน เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับศพเด็กจาก รพ.สมุทรสาคร มาจำนวน 40 ศพ และจากการสอบถามเหยื่อพบว่า ส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลนี้ มีทารกแรกเกิดเสียชีวิตจำนวนมาก

ทั้งนี้ มี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.กิตติ กรรภิรมย์ สาธารณสุขนิเทศก์เขต 5 และ นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร รับเรื่องร้องเรียน


นายอัจฉริยะ กล่าวต่อไปว่า การมาครั้งนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเหยื่อ โดยพบว่าที่โรงพยาบาลแห่งนี้ มี อัตราการเสียชีวิตของเด็กจำนวนมากและเกิดขึ้นกับสูติแพทย์รายหนึ่ง ซึ่งประจำโรงพยาบาลและ เปิดคลินิกอยู่หลังโรงพยาบาลรับฝากครรภ์พิเศษ จึงอยากให้มีการตรวจสอบ ว่าทำไมคลอดกับหมอคนนี้ แล้วเด็กถึงมีการเสียชีวิต เกิดอะไรขึ้นกับคุณภาพของโรงพยาบาลและคุณภาพของการฝากครรภ์ เพราะแต่ละเคสของเหยื่อที่มาร้องเรียน มีตั้งแต่รกพันคอ ,เด็กเกิดมาหัวใจโตและอวัยวะภายในผิดปกติ และปอดติดเชื้อ ทั้งนี้ จะติดตามเรื่องนี้ หากไม่ได้รับคำตอบจะเอาศพเด็กมาวางไว้ที่หน้าห้องรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งความจริงวันนี้นำศพเด็กมาแต่เกรงใจ จึงไว้หลังรถ ไม่ได้เคลื่อนออกมา

ขณะนี้เหยื่อรายที่มีการฝากครรภ์กับหมอสยามเช่นนั้นโดยจ่ายเงินที่คลินิก 7,500บาท และมาคลอดที่โรงพยาบาล ตลอดระยะเวลาได้รับการแจ้งว่าลูกสมบูรณ์ดี แต่ท้ายสุดหลังคลอดก่อนกำหนด 8 เดือน ลูกกับหัวใจโต และหายใจเองไม่ได้ อยู่ได้ 7วันก็เสียชีวิต ส่วนรายที่ 3 เด็กคลอดออกมาปกติ หลังให้นมไม่นานกลับมาแจ้งว่าลูกปอดติดเชื้อเสียชีวิต

นพ.สุระ กล่าวว่า ได้มีการเรียกข้อมูลจากทางโรงพยาบาลสมุทรสาครมาตรวจสอบ คาดว่าจะรู้ผลภายใน 3เดือน เบื้องต้นทราบว่าทางโรงพยาบาลมีอัตราการคลอดเฉลี่ยวันละ 20 คนรวมเดือนละ 600 คน มีสูตินรีแพทย์ 8-9 คนที่มีการคลอดทั้งคนไทยและต่างด้าว ทำให้มีอัตราการคลอดสูงมากที่สุด เบื้องต้นเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมีทั้งตัวแทนโรงพยาบาล และนายอัจฉริยะ เข้าร่วม ทราบว่าสำหรับสูตินรีแพทย์ คนดังกล่าวเป็นลูกจ้างรายปี


นพ.อนุกูล กล่าวอีกว่า เบื้องต้นมีการตรวจสอบข้อมูลอัตราการคลอดบุตรเสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงของโรงพยาบาลไป 4 เดือน ตั้งแต่มิถุนายนถึงกันยายน 63 พบว่ามีอัตราเสียชีวิตรวม 14 ศพ แบ่งเป็นมิถุนายน 2 ศพ กรกรกฎาคม 5 ศพ สิงหาคม 3 ศพ กันยายน 4 ศพ มีอัตราการคลอดวันละ 20 คน ส่วนการเก็บศพไว้ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะจำหน่ายออก 2 อาทิตย์ ศพผู้ใหญ่ 7 วัน นำศพออก ส่วนศพเด็กสามารถเก็บได้นานกว่านั้น เพราะเด็กตัวเล็ก

สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นเรื่องนี้ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว และได้มีการเลิกจ้างหมอสยามตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาส่วนการจ้างงานนั้น เป็นแบบรายปี และเริ่มจ้างครั้งแรกในปี 2554 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ