‘จับโกงงบโควิด 4 แสนล้าน ด้วย ACT Ai’

15 ก.ย.-องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ผุด “ACT Ai” เครื่องมือสุดล้ำนำร่อง จับทุจริตงบฟื้นฟูโควิด 4 แสนล้าน ชวนประชาชนร่วมตรวจสอบ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันฯ พร้อมเปิดตัวเครื่องมือใหม่ ‘จับโกงงบโควิด 4 แสนล้าน ด้วย ACT Ai’ ปลุกคนไทยทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบ ที่ปรึกษาสภาพัฒน์เผย ในอนาคต ทุกโครงการ ทุกนโยบายรัฐจะถูกเปิดเผยและติดตามผลด้วยข้อมูล


เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2563 ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค สุขุมวิท องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2563 ภายใต้แนวคิด “จับโกงโคตรง่ายแค่ปลายนิ้ว – Power of Data” โดยจัดงานในรูปแบบออนไลน์ อีเวนท์ จำกัดผู้เข้าร่วมงาน ให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมร่วมรับชมการถ่ายทอดสดตลอดงานและแสดงพลังสู้โกงผ่านทางเฟซบุ๊กองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในครั้งนี้ หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนตระหนักถึงพลังของข้อมูลว่ามีความสาคัญต่อการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน อย่างยิ่ง ทั้งการสืบค้น การจัดระเบียบ การเชื่อมโยง และการประมวลผลฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ก้าวต่อไปขององค์กรฯนับจากนี้ ยิ่งต้องการพลังจากประชาชนอีกหลายเท่า มาใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการติดตาม ตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการทุจริตคอร์รัปชัน นับเป็นอีกก้าวสำคัญ ในการสร้างระบบเฝ้าระวัง และร่วมกันเปิดโปงการกระทำผิด จัดการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ


ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการเปิดตัวเครื่องมือ ‘จับโกงงบ COVID ด้วย ACT Ai’ โดย ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้ดูแลโปรเจ็กต์ ACT Ai ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ล่าสุด ที่ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการพัฒนาส่วนขยายของ “ACT Ai เครื่องมือสู้โกง” แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเอาไว้ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมเข้าไปติดตามตรวจสอบ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว
โดยประกอบด้วย 4 ฟังก์ชันสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมต่อต้านคอร์รัปชันง่ายขึ้น คือ การทำแผนที่แสดงรายละเอียดโครงการ ระบบติดตามสถานะโครงการ ปุ่มแสดงความคิดเห็น และเชื่อมโยงหน่วยงานรับร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส และระบบช่วยคัดกรองโครงการที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานภายในสิ้นปี 2563 นี้ทาง covid19.actai.co

ผศ.ดร. ต่อภัสสร์ กล่าวด้วยว่า สองปัจจัยสำคัญที่จะมาช่วยต่อสู้กับคอร์รัปชัน หนึ่ง คือ การร่วมมือจากคนจำนวนมาก ที่เข้ามาช่วยให้ข้อมูล ช่วยตรวจสอบ ช่วยเป็นหูเป็นตา และสอง คือ ข้อมูลที่เข้าถึงได้ โปร่งใสเพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้กับคอร์รัปชัน หรือแม้กระทั่งใช้ป้องกันตัวเองจากการถูกกล่าวหาก็ตาม ซึ่งประเทศไทยตอนนี้เรามีกำลังคนที่พร้อมช่วย พร้อมตรวจสอบแล้ว ทั้งในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ที่หันมาจับตาดูการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้น หรือภาครัฐเองที่เริ่มขยับตัวเองมาใช้ระบบดิจิทัล

“ACT Ai จะเข้ามาเป็นหนึ่งในอาวุธด้วยเทคโนโลยีข้อมูล วันนี้ด้วยพลังของข้อมูล การจับโกงจะง่ายแค่ปลายนิ้ว หัวใจสำคัญของเครื่องมือ ‘จับโกงงบ COVID ด้วย ACT Ai’ คือ การที่ทุกคน ทุกอาชีพ ทุกพื้นที่สามารถใช้สิ่งที่ตัวเองสนใจ อยู่ใกล้ มีความรู้มาร่วมจับตา เปิดโปงการทุจริตได้เลย” ผศ.ดร. ต่อภัสสร์ กล่าวย้ำ


ดร.วันฉัตร สุวรรณกิตติ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทอล์กหัวข้อ ‘Big Data as a Solution’ กล่าวว่างบฟื้นฟูโควิด 4 แสนล้าน เป็นงบประมาณที่มีประโยชน์ จะช่วยบรรเทาให้ผ่านวิกฤตไปได้บ้างหรืออย่างน้อยไม่เลวร้ายไปกว่าเดิมและยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้คนได้มีงาน มีอาชีพ ปรับตัวในภาวะวิกฤตแบบนี้ ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ถือว่าคุ้มมาก แต่สิ่งที่สำคัญคือผลลัพธ์ของโครงการต้องตอบโจทย์ที่พูดไปได้จริง ไม่ใช่การนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน เราจึงริเริ่มแนวคิดที่จะนำข้อมูลของงบฟื้นฟู 4 แสนล้านนี้เข้าระบบ Open Data เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบเพื่อให้งบสี่แสนล้านเกิดประโยชน์สูงสุด

“พลังของข้อมูล ไม่ใช่เพียงการเก็บข้อมูลเอาไว้ การทำ Big Data จะไม่มีค่าเลย ถ้าข้อมูลไม่ถูกนำมาใช้ หัวใจสำคัญ คือ เกาให้ถูกที่คัน แต่ถ้าเราไม่มีข้อมูล จะไม่รู้เลยว่าต้องเกาตรงไหน แก้ปัญหาให้ถูกจุดได้ยังไงในอนาคตทุกโครงการ ทุกนโยบายของรัฐ จะถูกเปิดเผยและติดตามผลด้วยข้อมูล เพื่อให้ตอบโจทย์ เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง” ดร.วันฉัตร กล่าว
ในการแถลงข่าวเปิดตัว เครื่องมือจับโกง ACT Ai องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคมที่ผลงานติดตามตรวจสอบข้อมูลทุจริตคอร์รัปชั่นจากภายในและต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนวิธีคิดและการทำงานครั้งนี้

นาย “เดวิด” เจ้าของเพจ CSI LA เปิดเผยผ่านไลฟ์สด หัวข้อ ‘สืบ-จาก-ข้อมูล’ ว่า สร้างเพจขึ้นเพื่อให้คนหลากหลายได้มาแลกเปลี่ยนความเห็นและค้นหาความจริงกัน ในฐานะที่เป็น Data Scientist (ผู้นำข้อมูลไปวิเคราะห์) จึงเชื่อในข้อมูล และไม่ได้ทำตัวเป็นผู้รู้ แต่เป็นผู้ที่จุดประเด็นตั้งคำถาม ดังนั้นเห็นด้วยที่รัฐต้องเปิดข้อมูลงบฟื้นฟู โควิด 4 แสนล้านกับสาธารณะ ให้ประชาชนเข้าถึงสามารถตรวจสอบได้

“Data without an action is useless ตอนนี้แค่มีสมาร์ทโฟนก็เป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการช่วยจับโกงได้แล้ว เราต้องคิดว่าเราเป็นเจ้าของประเทศ ถ้าเราเห็นสิ่งสกปรก เราก็ต้องออกมาเก็บกวาดบ้านเมืองของเรา” เจ้าของเพจ CSI LA กล่าว

ขณะที่ ตัวแทนเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน กล่าวว่า การทำงานของหมาเฝ้าบ้านเราจะร่วมมือกันเป็นกลุ่ม ตามความสามารถความถนัดแตกต่างกันไป เริ่มจากพยายามเสาะหาสิ่งที่ต้องสงสัยว่าทุจริต ส่งต่อให้ทีมค้นหาและตรวจสอบข้อมูล สุดท้ายก็เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ ให้กระแสสังคมช่วยเป็นพลังหนึ่งในการเปิดโปง ยกตัวอย่างกรณีทุจริตอาหารกลางวันนักเรียน มีผู้ปกครองและสื่อช่วยตรวจสอบ ทำให้ภาครัฐสั่งตรวจสอบทั่วประเทศ

“เราไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหรือมีอำนาจในการที่จะมาช่วยแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ทุกคนมีสื่อ คือ โทรศัพท์ อยู่ในมือแล้ว ใช้มันให้เป็นประโยชน์ เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” ตัวแทนเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ยืนยัน ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน ผู้ผลักดันการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างสังคมการเมือง การใช้งบประมาณที่โปร่งใสและตรวจสอบ ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านวิดีโอ หัวข้อ ‘Disrupting Corruption’ ว่า เมื่อปี 2017 กระทรวงยุติธรรมของประเทศไต้หวันได้จัดโครงการให้ประชาชนเข้ามาเป็นอาสาสมัครทำงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน จนพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน ให้ได้เข้ามาตรวจสอบโครงการต่างๆ ที่เกิดจากรัฐ เป็นการทำงานร่วมกัน และการสร้างความร่วมมือกันหลายภาคส่วน

นอกจากนี้รัฐบาลไต้หวันยังพยายามผลักดันแนวคิด e-Government ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการใช้บริการทางราชการผ่านรูปแบบออนไลน์ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารราชการ ส่งเสริมให้ประชาชนแบ่งปันข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม gov.tw เพื่อให้เกิดการนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป และในปี 2011 มีการจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมต่อต้านการทุจริต ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษขึ้น เพื่อทำหน้าที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ได้นำแนวคิดในการสร้างโครงการอาสาสมัครมาปฏิบัติ โดยให้ประชาชนมาสมัครเป็นอาสาสมัครต่อต้านคอร์รัปชัน และให้อาสาสมัครเหล่านี้เข้าไปช่วยงานในองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันต่างๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]