เจนีวา 3 ธ.ค.- สหประชาชาติหรือยูเอ็นเผยว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้ตัดสินประหารชีวิตนักศึกษา 7 คนในสัปดาห์นี้ ทำให้มีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตรวมแล้ว 139 คน พร้อมกับตำหนิเมียนมาว่าใช้โทษประหารชีวิตเป็นเครื่องมือในการกวาดล้างฝ่ายค้าน นายโฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น แถลงว่า มีนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เป็นชายอย่างน้อย 7 คนถูกศาลทหารตัดสินลงโทษประหารชีวิตเมื่อวันพุธ โดยเป็นการตัดสินแบบปิด การที่เมียนมาใช้โทษประหารชีวิตเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกวาดล้างฝ่ายค้าน แสดงให้เห็นว่าเมียนมาเหยียดหยามความพยายามของอาเซียนและประชาคมโลกที่ต้องการยุติความรุนแรงและสร้างบรรยากาศให้มีการเจรจาทางการเมือง เพื่อนำเมียนมาออกจากวิกฤตสิทธิมนุษชนที่เกิดขึ้นจากกองทัพ ยูเอ็นเผยด้วยว่า กำลังตรวจสอบรายงานข่าวเรื่องนักเคลื่อนไหว 4 คน ถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี นายเติร์กระบุว่า กองทัพเมียนมายังคงใช้วิธีพิจารณาคดีแบบลับ ๆ ซึ่งละเมิดหลักการไต่สวนอย่างเป็นธรรม และขัดต่อการรับประกันทางตุลาการเรื่องความเป็นอิสระและเป็นธรรม หลายครั้งที่ศาลลับเปิดการไต่สวนในนาทีสุดท้าย ทำให้ผู้ถูกควบคุมตัวไม่สามารถติดต่อทนายหรือครอบครัวได้ทัน สื่อเมียนมารายงานว่า นักศึกษา 7 คนของมหาวิทยาลัยดากองในนครย่างกุ้ง ถูกจับกุมเมื่อเดือนเมษายน และถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับเหตุยิงที่ธนาคาร ด้านสหภาพนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งนี้ออกแถลงการณ์ว่า การตัดสินประหารชีวิตดังกล่าวเป็นการแก้แค้นของกองทัพ เมียนมาประหารชีวิตครั้งแรกในรอบ 30 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคม เป็นผู้ต้องขัง 4 คนที่มีอดีตสมาชิกสภาและนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยรวมอยู่ด้วย ต่อมาอาเซียนได้เตือนในเดือนสิงหาคมไม่ให้เมียนมาประหารชีวิตอีก.-สำนักข่าวไทย