fbpx

สถานการณ์น้ำ 3 อำเภอ จ.จันทบุรี น่าเป็นห่วง

ภูมิภาค 8 ก.ย. – ฝนตกหนัก เกิดดินเลื่อนไหลหลายจุดใน ต.เกาะช้าง จ.ตราด ส่วน จ.จันทบุรี สถานการณ์น้ำใน อ.เขาคิชฌกูฏ แก่งหางแมว และท่าใหม่ น่าเป็นห่วง


พื้นที่ จ.จันทบุรี ฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมเอ่อล้น ประกอบกับน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือนประชาชนใน 3 อำเภอ โดยเฉพาะภายในซอยบ้านทุ่งตาอิน 2 หมู่ 3 ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ

กำลังทหารกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด นำเรือท้องแบน เรือยนต์ ช่วยอพยพลำเลียงผู้ประสบภัยที่ยังติดค้างอยู่ในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม และช่วยขนย้ายสิ่งของออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะนี้ระดับน้ำบริเวณสะพานทุ่งตาอิน ต้นน้ำแม่น้ำจันทบุรี ไหลเชี่ยวกราก หลากท่วมพื้นผิวสะพานและพื้นถนน รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ล่าสุดพื้นที่หมู่ 2, 3 ,4 , 5, 7 และหมู่ 10


กำลังทหารกองทัพเรือและเจ้าหน้าที่กู้ภัย นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ช่วยอพยพชาวบ้านออกมาอยู่ศูนย์พักคอย ภายในวัดทุ่งตาอิน ซึ่งเทศบาลจัดเตรียมที่พักไว้แล้ว รองรับผู้ประสบภัยได้มากกว่า 100 ครัวเรือน พร้อมจัดตั้งครัวประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย

ส่วนระดับน้ำที่สะพานวัดกระทิง ต.พลวง เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และล้นเข้าท่วมวัดกระทิงแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.เขาคิชฌกูฏ อ.แก่งหางแมว และ อ.ท่าใหม่ สถานการณ์น่าเป็นห่วง

น้ำป่าหลากดินเลื่อนไหลเกาะช้าง
ฝนตกหนักในพื้นที่ ต.เกาะช้าง จ.ตราด ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านพักอาศัยหลายหลัง ซากกิ่งไม้จำนวนมากติดอยู่ใต้สะพานข้ามคลองและท่อระบายน้ำหลายแห่ง ทำให้กีดขวางทางน้ำไหลผ่าน จนเกิดน้ำท่วมขัง ดินเลื่อนไหลปิดทับลงมาบนถนนเขาคลองสน สลักเพชร คลองพร้าว และถนนสายบ้านคลองสน-บ้านหาดทรายขาว จุดชมวิวบ้านหาดทรายขาว เกิดทรุดเป็นทางยาวกว่า 30 เมตร กว้าง 1 ช่องทางจราจร


นายสัญญา เกิดมณี นายกเทศมนตรีตำบลเกาะช้าง และเจ้าหน้าที่เทศบาลเกาะช้าง นำรถแทรกเตอร์มาปรับถนนสายบ้านคลองสน-บ้านหาดทรายขาว ล่าสุดระดับน้ำลดลงแล้ว คาดว่าหากไม่มีฝนซ้ำ ไม่นานสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

อ.ศรีราชา น้ำกัดเซาะบ้านพัง
เกิดน้ำหลากพัดบ้านพื้นที่หมู่ 1 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พังเสียหาย ตัวบ้านทรุดพังแตกร้าว น้ำพัดเศษดิน เศษทราย กระจายไปทั่วบ้าน ศาลเจ้าแม่พัดโบก ด้านหน้าบ้าน ขนาด 4×8 เมตร พังถล่มทั้งหลัง เสาไฟฟ้าเอนเอียงจนเกือบล้ม ต้นไม้ใหญ่ภายในพื้นที่บ้านถูกน้ำกัดเซาะจนรากโผล่เหนือดิน เกรงว่าถ้าฝนตกลงหนักอีกอาจล้มทับบ้านเรือนได้ ขณะนี้รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นได้มอบน้ำดื่ม ถุงยังชีพ ไว้ใช้ชั่วคราว

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย