วุฒิสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบ 65

รัฐสภา 30 ส.ค.-วุฒิสภามีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบ 65 ด้าน รมว.คลัง ยันจัดสรรงบฯ คุ้มค่า เกิดประโยชน์สุดสุดต่อประชาชน ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด


การประชุมวุฒิสภาวันนี้(30ส.ค.) มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบระมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว นายอาคม เติมวิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวรายงานว่า การจัดทำงบประมาณมีหลักการและแนวทางดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แผนการปฏิรูปประเทศและนโยบายของรัฐบาล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน แผนปฏิบัติราชการของกระทรวงรวมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการจัดสรรงบฯ โดยคำนึงถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ การมีส่วนร่วมของประชาชน และอยู่บนพื้นฐานของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนให้ความสำคัญกับประชาชนทุกกลุ่ม กระจายงบฯ อย่างเป็นธรรม มีความคุ้มค่าไม่ซ้ำซ้อนและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชน โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ รวมทั้งระเบียบ กฎหมายและมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง


“ขอขอบคุณสมาชิกวุฒิสภาทุกคนที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 65 นี้ และสำหรับข้อคิด ข้อเสนอแนะ และความห่วงใย รัฐบาลจะขอรับไว้ด้วยความขอบคุณและจะได้นำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินการของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้การจัดสรรงบฯมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” นายอาคม กล่าว

นายกูรดิสถ์ จันทร์ศรีชวาลา ส.ว. อภิปรายเสนอความเห็นไปยังรัฐบาลเพื่อเร่งแก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ว่า 1.รัฐบาลต้องเตรียมวัคซีน เข็มที่ 4 ให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 58 ล้านคน ในปี 2565 โดยรัฐบาลต้องเตรียมวัคซีนอย่างน้อย 232 ล้านโดส ปัจจุบันรัฐบาลมีสัญญาซื้อวัคซีน 130 ล้านโดส ยังขาดอีก 102 ล้านโดส ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งทำสัญญานำเข้าและประกาศความพร้อมฉีดวัคซีนในปี 2565 ทั้งนี้ตนไม่ใช่หมอ หรือนักวิทยาศาสตร์ แต่ชำนาญบริหารความเสี่ยง ดังนั้นต้องเตรียมวัคฉีนเข็ม 4 ไว้เพราะโควิด-19 จะอยู่ไปอีกนาน โดยต้องเตรียมวัคซีน ปี 2566 จำนวน 1 เข็ม และ ปี 2567 อีก 1 เข็ม 2.รัฐบาลต้อง เตรียมพัฒนาวัคซีนในประเทศ โดยสนับสนุนบริษัทเอกชน และสถาบันที่ทำวิจัยที่มีศักยภาพ เพื่อลดภาระนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ และ3.ต้องพัฒนาวัคซีนทั้งเชื้อเป็นและเชื้อตาย

นายกูรดิสถ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้งบประมาณเพื่อเตรียมการประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเพื่อใช้ในระยะสั้น จำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท ระยะปานกลาง คือ ปี 2566 และปี 2567 จำนวน 3.7 หมื่นล้านบาท และระยะยาว เพื่อสนับสนุนวิจัย เพิ่มศักภาพ รวม 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ต้องของบเพิ่มหรือขอวงเงินกู้ แต่ควรให้กระทรวงสาธารณสุขนำเงินนอกงบประมาณที่มีกว่า 2 แสนล้านบาท แต่พบการใช้เงินปีละ 200 ล้านบาทเท่านั้น ออกมาใช้เพื่อแบ่งเบาภาระเงินกู้และป้องกันระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน ดังนั้น ในภาวะสงครามกระทรวงสาธารณสุขต้องเป็นแนวหน้านำกระสุนทางการคลังออกมาใช้ ซึ่งการใช้เงิน 7.5หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งในระบบเศรษฐกิจที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า จากการล็อกดาวน์ทำให้รายได้หายไป หรือหลุมรายได้ 2.6 ล้านล้านบาท ดังนั้นเงินลงทุนคิดเป็น 2.9% จากหลุมรายได้ การลงทุนดังกล่าวถือว่าคุ้มครองความเสี่ยง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแก้ป้ญหาระยะสั้นเพื่อวางแผนสำหรับอนาคต


“ผมเชื่อว่าการเปิดประเทศภายใน 120 วันตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศนั้นสามารถทำได้ หากเร่งฉีดวัคซีนได้ 5 -6 แสนโดสต่อวัน ซึ่งข้อเสนอของผมคือวิธีที่ไม่ต้องกลับมาปิดประเทศอีก ดังนั้นรัฐบาลต้องแสดงภาพที่ชัดเจนว่าประชาชนมีภูมิคุ้มกันเต็มที่ในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้นักธุรกิจรายใหญ่ รายเล็ก และนักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจ ขณะเดียวกันภาคครัวเรือนมีแผนใช้เงินออมด้วยความมั่นใจ จะช่วยให้การใช้จ่ายครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันนักท่องเที่ยวจะได้วางแผนกลับมาท่องเที่ยว ทำให้เกิดรายได้จากการบริการการท่องเที่ยวที่ช่วยเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และงบประมาณปี 2565 มีเสถียรภาพ”นายกูรดิสถ์ กล่าว

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ยังไม่มีความเป็นธรรมเท่าที่ควร งบประมาณที่ได้รับเมื่อเฉลี่ยแล้วถือว่าได้รับจัดสรรน้อย นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลยังมีนโยบายผ่อนปรนภาษีท้องที่ ทั้งการปรับลดและขยายเวลาชำระภาษี ในปี 2564 ทำให้ อปท. มีงบประมาณในการบริหารงานไม่เพียงพอ การแก้ไขปัญหาของประชาชนมีความล่าช้า โดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เป็นปัญหาเร่งด่วน จึงขอให้รัฐบาลทบทวนการจัดสรรงบประมาณให้กับ อปท.เพิ่ม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของประชาชนทั่วถึงและเป็นธรรม ลดความเลื่อมล้ำในพื้นที่

นายอนุศักดิ์ คงมาลัย สมาชิกวุฒิสภา เห็นว่า การจัดสรรงบประมาณให้กับกลุ่มจังหวัดไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการเท่าที่ควร ทำให้งบประมาณในบางปีมีการเบิกจ่ายไม่เต็มประสิทธิภาพ ขาดการบูรณาการร่วมกันอย่างเป็นระบบ จึงขอให้มีการทบทวนทิศทางการจัดสรรงบประมาณให้ทั่วถึง สอดคล้องกับแผนพัฒนหลักาประเทศ และให้ยึดปัญหาของพื้นที่เป็นในการจัดทำโครงการ อีกทั้งต้องส่งแผนการเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประชาชนให้รวดเร็ว และขอให้นำพัฒนาตำบลที่จัดทำขึ้นโดยภาคประชาชน มาประกอบการจัดทำโครงการของภาครัฐด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงินงบประมาณจำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 200 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง ไม่มี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]