อนุกรรมาธิการก่อนรับหลักการแก้รธน.ยังเสียงแตก

รัฐสภา 9 ต.ค. -อนุ กมธ.ก่อนรับหลักการแก้ รธน. ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน 2 เรื่อง เสียงส่วนน้อย ระบุ กระบวนการมาตรา 256 ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ขัดรัฐธรรมนูญ และต้องทำประชามติก่อนตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่เสียงส่วนใหญ่มองไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และให้ทำประชามติครั้งเดียวก่อนที่นายกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ


นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะโฆษกอนุกรรมาธิการพิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมาย ในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ก่อนรับหลักการ รัฐสภา เปิดเผยข้อสรุปของอนุกรรมาธิการต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อนุกรรมาธิการเสียงข้างมาก ที่เป็น ส.ส.และนักวิชาการ ได้ข้อสรุปแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นไปตามกระบวนการมาตรา 256 แต่มีเสียงส่วนน้อยที่เป็น ส.ว.เห็นว่า ยังขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ

นายนิกร กล่าวว่า ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดออกเสียงประชามติว่า กรรมาธิการเสียงข้างมาก เห็นว่า การทำประชามติ ให้ทำหลังผ่านการแก้ไขในวาระที่ 3 ก่อนที่นายกรัฐมนตรี นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ตามกระบวนการในมาตรา 256 วรรค 8 แต่เสียงส่วนน้อยที่เป็น ส.ว. เห็นว่า ควรทำประชามติ 2 ครั้ง คือ ก่อนรับหลักการ และก่อนที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งนายนิกร ยังเห็นแย้งกับความเห็นของวุฒิสภา เพราะหากจะดำเนินการจัดการออกเสียงประชามติ ก่อนรับหลักการ กระบวนการยังอยู่ในชั้นนิติบัญญัติ ที่ไม่มีอำนาจจัดการออกเสียงประชามติ และขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายการออกเสียงประชามติด้วย รวมถึงกระบวนการจัดการออกเสียงประชามติ ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน ซึ่งกรรมาธิการพิจารณาก่อนรับหลักการ มีเวลาพิจารณาเพียง 30 วันเท่านั้น ซึ่งกรรมาธิการ ก็จะนำข้อสรุปความเห็นทั้งหมดเสนอต่อกรรมาธิการชุดใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้


นายนิกร ยังกล่าวถึงข้อกังวลที่ห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 เกี่ยวข้องกับรูปแบบรัฐ และพระมหากษัตริย์ว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจมีกรณีที่ไปกระทบต่อพระราชอำนาจ ซึ่งกรรมาธิการ จะหารือกันอีกครั้งว่าหากเกิดกรณีดังกล่าว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายนิกร ยังชี้แจงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยในปี 2556 ที่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับเก่า จะต้องจัดทำประชามติเพื่อขอความเห็นประชาชน ในการยกเลิกรัฐธรรมนูญว่า เป็นคนละประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพราะกรณีดังกล่าว เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ซึ่งไม่ได้กำหนดให้ทำประชามติ แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดให้ทำประชามติก่อน ซึ่งนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน เห็นว่า สามารถทำได้ เพราะในรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ทำประชามติไว้อยู่แล้ว พร้อมชี้แจงการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ว่า จะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งเป็นฉบับที่ 20 ของประเทศ ไม่ได้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือเป็นฉบับที่ 21 แต่อย่างใด

ส่วนข้อสรุปที่ ส.ว. ยังเห็นต่างจาก ส.ส. และนักวิชาการในกรรมาธิการจำเป็นจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดหรือไม่นั้น นายนิกร เห็นว่า จะต้องรอกรรมาธิการชุดใหญ่สรุปจากข้อสรุปที่อนุกรรมาธิการ เตรียมเสนอในวันที่ 14 ตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”