fbpx

2 กมธ.จับมือสางคดี “บอส”

รัฐสภา 3 ส.ค. -2 กมธ.จับมือสางคดี “บอส” ต่อ “สิระ” ลั่น 5 ส.ค.นี้จะรู้ว่าต้องเผาตำราหรือเผาคน “จิรายุ” เตรียมใช้ผลชันสูตรศพ “จารุชาติ” ประกอบการพิจารณา


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมการการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีดำริให้รวมกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิตในปี 2555 ที่มีคณะกรรมาธิการ 3 คณะพิจารณาอยู่ โดยขณะนี้รอให้คณะกรรมาธิการตำรวจพิจารณาว่าจะเสนอเรื่องใดเข้ามา ส่วนการประชุมในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ จะเป็นการแชร์ข้อมูลกันระหว่างคณะกรรมาธิการการกิจการศาลฯ ซึ่งจะทำข้อมูล และคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน จะเป็นคนออกจดหมายเชิญผู้ชี้แจงเป็นหลัก เพื่อจะได้พิจารณาในเรื่องเดียวกัน

“หากพิจารณาวันที่ 5 สิงหาคม ไม่จบ ก็จะขยับต่อไปอีกสัปดาห์ เนื่องจากรูปคดีและการพิจารณาต่าง ๆ ค่อนข้างมีความหลากหลาย รวมถึงมีสถานการณ์เกิดขึ้นใหม่รายวัน” นายจิรายุ กล่าว


นายจิรายุ กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการกิจการศาลฯ จะรับหน้าที่เชิญอดีตอัยการสูงสุด อดีตผู้พิพากษา หรือแม้แต่อดีตองค์กรอิสระที่จะมาให้ความเห็น เนื่องจากไปดูฏีกาคดีลักษณะเดียวกัน ก็มีคำตัดสินที่หลากหลาย เช่น อาจจะตัดสินว่าผิด แต่ให้โทษรอลงอาญา เนื่องจากบรรเทาทุกข์ให้ผู้เสียหายแล้ว เป็นต้น ก็จะนำมาเทียบเคียงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาต่อไป

นายจิรายุ ยืนยันว่า สิ่งที่คณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น และคณะกรรมาธิการของสภาฯ ได้ทำงาน เมื่อถึงวันสุดท้ายแล้ว เอกสารจะปรากฏ ดังนั้นการจะบิดเบือนหรือปรับปรุงเอกสาร คงเป็นเรื่องยาก และเรียกร้องกรณีการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง หนึ่งในพยานปากสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งให้ชันสูตรใหม่ เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ แต่มีบางประเด็นกลับบอกว่าไม่ไว้ใจกับผู้ชันสูตรที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องสั่งการให้ชัดเจนว่าคนชันสูตรต้องมีความเป็นกลาง หรือควรตั้งกรรมการกลางขึ้นมาหรือไม่ เพราะสังคมเคลือบแคลงใจ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้ และหากเป็นไปได้ หากมีการชันสูตรศพเสร็จอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ช่วงเย็นผลการชันสูตรก็คงออกมาและจะทำให้ความจริงปรากฏอีกครั้งหนึ่ง จะได้หาข้อมูลต่าง ๆ ต่อเนื่องไปถึงวันที่ 5 สิงหาคม
ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะต้องตรวจสอบต่อไป

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า มีการออกหนังสือเชิญไปตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม โดยเชิญคณะกรรมาธิการยุติธรรมในสมัย สนช.ทั้งหมด ตำรวจที่เกี่ยวข้อง อัยการที่เซ็นลงนามสั่งไม่ฟ้อง และตำรวจที่เซ็นไม่เห็นแย้ง พนักงานสอบสวนทั้งหมด เพราะการประชุมครั้งที่ผ่านมา มีปัญหายังไม่ทราบข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด ส่วนพยานที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ตัดออกไป เหลือ
พล.อ.ท.จักรกฤษ ถนอมกุลบุตร ซึ่งได้ทำหนังสือเชิญมาด้วย ส่วนกรรมาธิการสมัย สนช.มีการตอบรับมาพอสมควร โดยจะขอดูเรื่องมติ ชวเลข รายงานการประชุม และมติที่ออกมาของกรรมาธิการว่าแทรกแซงกระบวนการตุติธรรมหรือไม่ มีผลกับการสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ ซึ่งจะได้รับรายงานบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการของ สนช.ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) โดยขอจากประธานสภาผู้แทนราษฏร


ส่วน พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมาธิการของ สนช.จะมาชี้แจงด้วยหรือไม่นั้น นายสิระ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ก็อยากให้มาทุกคนเพื่อความโปร่งใส จะได้ตอบให้ประชาชนได้หายสงสัย จะได้นำไปสู่การแก้ไขช่องโหว่และให้ประชาชนเสมอภาคในกระบวนการยุติธรรม และจะได้ไม่มีคำว่าคุกมีไว้ขังแค่คนจน และขอยืนยันว่าคณะกรรมาธิการฯ จะใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ ในฐานะคนกลางจากประชาชน ถ่ายทอดการประชุม สามารถฝากคำถามได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ทั้ง 2 คณะที่ต้องพิจารณาร่วมกัน เพราะข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ 90 กำหนดว่าประเด็นที่ซ้ำซ้อนกันต้องมาพิจารณาร่วมกัน และขอให้เชื่อมั่นคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ และคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้น

“มีนักวิชาการบอกว่าถ้าคดีเป็นอย่างนี้ ก็ต้องกลับไปเผาตำราทั้งหมด ดังนั้นในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ จะรู้ว่าตำราผิด หรือคนผิด ถ้าตำราผิด ก็ต้องเผาตำรา แต่ถ้าคนผิด ก็ต้องเผาคนและดำเนินคดีไป เดี๋ยวจะได้รู้ว่าต้องเผาอะไร” นายสิระกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.