จ่อเชิญ 3 รมว. ‘คลัง-พณ.-กต.’ ถกลับแจงแนวทางเจรจาภาษีทรัมป์

รัฐสภา 7 พ.ค.- “จุลพงศ์’ เผย ‘กมธ.พาณิชย์-กมธ.ต่างประเทศ’ จ่อเชิญ 3 รมว. ‘คลัง-พาณิชย์-ต่างประเทศ’ ประชุมลับ แจง แนวทางเจรจาภาษีทรัมป์ หวั่น ถึงเส้นตายเวลาผ่อนผัน แต่ ‘รัฐบาล’ ยังไม่พร้อม-หาข้อตกลงกับสหรัฐไม่ได้ เหตุ ไทยต้องส่งออกสินค้าลอตสุดท้ายก่อน 9 มิ.ย.นี้ สงสัย ‘มาริษ’ เงียบผิดปกติ เพราะไม่สามารถเดินทางเข้าอเมริกาได้หรือไม่ ทั้งที่ควรบทบาทมากกว่านี้


นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายขื่อพรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร และรองประธานคณะกรรมการธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ฯ และคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ว่า ภายหลังจากปิดสมัยประชุมสภา ตนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากหลายฝ่ายในมุมมองจากต่างประเทศ ที่มองมายังประเทศไทยในวิธีการที่รัฐบาลรับมือกับปัญหาการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อเทียบกับผู้นำของประเทศอื่น ที่ไม่เพียงจะแถลงถึงปัญหา แต่ยังแถลงให้ประชาชนของเขารับรู้ถึงแนวทางเเก้ปัญหาของรัฐบาลของเขาด้วย ดังนั้น ตนจึงมีความวิตกกังวลในวิธีการรับมือกับปัญหาการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยิ่งการที่รัฐบาล ระบุ มีดีลลับที่บอกไม่ได้ และขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องนี้ โดยไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่เป็นแก่นสาร เพื่อบอกกับประชาชนว่าเราจะเจอกับอะไร และรัฐบาลจะให้ประชาชนเตรียมตัวอะไรบ้าง


นายจุลพงศ์ มองว่า การที่นายกรัฐมนตรีพูดแค่เรื่องมีดีลลับนั้น ไม่เพียงพอในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารของประเทศที่จะต้องสื่อสารกับประชาชนให้มั่นใจในรัฐบาลมากกว่านี้ และตนเห็นว่าเรื่องนี้ กำลังจะเป็นเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ และจะเป็นวิกฤติที่ลามไปถึงปัญหาปากท้องของประชาชน ที่ประชาชนจึงมีสิทธิ์รับรู้มากกว่านี้ และนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่มีข้ออ้างใดที่จะปัดความรับผิดชอบได้

นายจุลพงศ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนจึงได้ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการพาณิชย์ฯ และประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เพื่อขอให้เรียกประชุมคณะกรรมาธิการทั้งสองคณะ โดยขอให้เป็นการประชุมลับ เพื่อไม่ให้ต้องมีประเด็นข้อกังวล เรื่องความลับ และดีลลับ เพื่อให้รัฐมนตรีทั้ง 3 คน ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ในเรื่องการเตรียมการเจรจาด้านภาษีและมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดกับการส่งสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ และการเตรียมตัวของประชาชน รวมถึงบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ ในการช่วยเหลือคณะเจรจาของไทย ว่าบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะมีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะมีความเห็นและเสนอแนวทางต่อไป เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาด้วย

เนื่องจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการได้เชิญมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบจากหน่วยงานดังกล่าว เพราะปัญหาส่วนใหญ่เป็นระดับนโยบาย เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มาชี้แจงจึงไม่สามารถตอบได้ และเราเคยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เรื่องข้างต้นแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ


นายจุลพงศ์ ยังแสดงความห่วงใยในเรื่องระยะเวลาการผ่อนผันการบังคับใช้ภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ กับประเทศไทย ซึ่งจะครบกำหนด 90 วัน ในวันที่ 1 กรกฎาคม จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำเรื่องนี้มาเป็นวาระเร่งด่วน เพราะสินค้าจากไทยล็อตสุดท้ายที่จะส่งออกถึงสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายนั้น จะต้องส่งสินค้าออกจากไทยก่อนวันที่ 9 มิถุนายน เนื่องจากต้องเผื่อเวลาขนส่ง ซึ่งหากพ้นกำหนดระยะเวลาผ่อนผันไปแล้ว แต่รัฐบาลชุดนี้ยังไม่พร้อมในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ หรือยังหาข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ ผลกระทบรุนแรงที่จะเกิดขึ้นก็คือ สินค้าทุกประเภทของไทยที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีนำเข้าถึง 36% และผลกระทบรุนแรงนี้ ไม่เพียงแต่จะมีผลกระทบต่อภาคการผลิต และการส่งออกเท่านั้น แต่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งวงจร

“ผมไม่อยากให้รัฐบาลเสียสมาธิไปในเรื่องอื่นที่มีความสำคัญเร่งด่วนน้อยกว่า เช่น เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะสำหรับวิกฤติการค้าโลกในครั้งนี้ และนโยบายการค้าของประเทศต่างๆ ทำให้มีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเรื่องที่น่าวิตก และเป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีว่าการกระทวงการต่างประเทศถึงเงียบผิดปกติในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ท่านควรมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ หรือท่านเกรงว่า ท่านประสบปัญหาไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ ได้ตามประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ” นายจุลพงศ์ กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]