ปทุมธานี 9 ก.พ.-สามี-ภรรยา นั่งดื่มเหล้าด้วยกัน ก่อนมีปากเสียง สามีคว้าปืนยิงภรรยาสาหัส ก่อนยิงตัวเองหวังหนีผิด และกระสุนยังพลาดไปถูกลูกเพื่อนได้รับบาดเจ็บ
กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดที่ร้านปิยะฉัตรแอร์แอนด์ซาวน์ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน คือ นางจิราภรณ์ ผิวอ่อน อายุ 53 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่หน้าอกทะลุหลัง 1 นัด นอนฟุบจมกองเลือดอยู่ข้างโต๊ะม้าหิน บริเวณกลางถนนพบนายธนกฤษ ทวีเดชกรรกุล อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นสามีนางจิราภรณ์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะอาการสาหัส หน่วยกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาล ก่อนนำส่ง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก และรถยนต์ โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีฟ้า สภาพเปิดฝากระโปรงท้ายอยู่ ภายในมีกล่องอาวุธปืน และมีแม็กกาซีนอยู่อีก 1 อัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อีก 1 คน คือ น.ส.ปิยธิดา อายุ 22 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่แขนซ้ายทะลุ ญาติได้ให้การช่วยเหลือนำตัวส่ง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติไปก่อนหน้า
การสอบถามนางน้ำค้าง ภรรยาเจ้าของร้านที่เกิดเหตุให้การว่า ช่วงเย็นสองสามีภรรยาที่ได้รับบาดเจ็บ ได้มานั่งดื่มกินกันที่ร้าน โดยมีตนและสามีร่วมด้วย ขณะที่ลูกสาวของตนนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ภายในร้าน เมื่อดื่มกินกันไปสักพักใหญ่ สามีและภรรยาที่บาดเจ็บเกิดมีปากเสียงกัน ต่างฝ่ายต่างเมาและด่าทอกันอย่างรุนแรง จนใช้ถ้วยกับแกล้มและแก้วเขวี้ยงใส่กัน ตนและสามีพยายามห้ามปราม จากนั้นฝ่ายชายได้เดินไปหยิบปืนที่ด้านท้ายรถ บอกให้ทุกคนหลบไป ก่อนจะใช้ปืนยิงใส่ภรรยาและกราดยิงอีกหลายนัด จนกระสุนพลาดไปถูกลูกสาวตนเองได้รับบาดเจ็บ ก่อนใช้ปืนยิงตัวเองจนล้มลง
ด้าน พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวเปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำพยานหลายปากสอดคล้องต้องกันว่าผู้ที่ยิงกันทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน โดยมานั่งดื่มแอลกอฮอลล์ที่บ้านเพื่อน จากนั้นเกิดปากเสียงกันก่อนที่ฝ่ายชายจะเกิดโมโห เดินไปหยิบอาวุธปืนมายิงภรรยาและยิงตนเอง นอกจากนี้กระสุนยังพลาดไปถูกลูกเจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ได้กั้นพื้นที่เพื่อรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเรื่องคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย