9 ก.พ. – หลัง “ดร.พิรงรอง” กสทช. ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์ม True ID เป็นความผิดตาม ม.157 วันนี้ เครือข่ายภาคประชาชนจัดเวทีเสวนา พร้อมประกาศ 5 ข้อเคลื่อนไหวต่อกรณีนี้
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป. เครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ และเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมกันจัดเสวนาความเห็นภาคประชาชนต่อคดี ดร.พิรงรอง มีผู้แทนหลายองค์กรภาคีเครือข่ายภาคประชาชนร่วมเสวนา
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป. กล่าวสรุปการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ที่จะดำเนินต่อไป 5 ข้อ ประกอบด้วย ขอเป็นกำลังใจให้ ดร.พิรงรอง ในการทำหน้าที่คุ้มครองประชาชนอย่างสุจริตและพิทักษ์ผลประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไป กรณี ดร.พิรงรอง ส่งผลสะเทือนหลายวงการและอาจจะก่อให้เกิดผลตามมาในการทำหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆเพื่อประชาชน โดยจะเปิดเวทีเพื่อผลักดันให้เกิดความตระหนัก พร้อมเรียกร้องให้มีการปฏิรูป กสทช. เพราะปัจจุบันมีปัญหาภายในและฟ้องร้องกันหลายเรื่อง มีข้อครหาที่น่ากังขา และข้อเท็จจริงหลายเรื่องเกี่ยวกับกรณีนี้ว่ามีการแทรกแซงโดยกลุ่มทุน มีการฟ้องเพื่อปิดปากหรือไม่ จากนี้ จะทำให้อนุกรรมการชุดอื่นไม่กล้าพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน และยังมีการแทรกแซง องค์กรรัฐหลายแห่ง และมีการกล่าวหา กรณีเลขาธิการตั้งผู้ที่มีนามสกุลเดียวกับผู้บริหารบริษัทคู่กรณีมาเป็นผู้เข้าถึงข้อมูลประชุมถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
ด้าน นส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สว. กล่าวว่า กรณีนี้หากจะผิด ม.157 ต้องเป็น กสทช. ที่มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไม่ใช่ให้ ดร.พิรงรอง เป็นคู่กรณี เพราะได้ทำหน้าที่โดยสุจริตตามที่มีผู้ร้องเข้ามา กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงช่องโหว่ของกฎข้อบังคับ กสทช.ที่ต้องแก้ไข และยังเห็นความไม่ปกติ กสทช. ถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนหรือไม่ นส.รสนา ยังอ้างว่า มีความพยายามที่จะให้ ดร.พิรงรอง ลาออก แลกกับจะถอนฟ้องทุกคดี กรณีการฟ้องร้องและผลที่เกิดขึ้น จึงเป็นการข่มขู่ให้หวาดกลัวที่จะปกป้องประโยชน์ของประชาชน.-สำนักข่าวไทย