กทม. 4 ม.ค.-ผบช.น. เตรียมพูดคุยหารือกับอธิการบดีฯ เกี่ยวกับคอร์สอบรมอาสาของคนจีน ชี้ถ้าจะขอตำรวจเป็นวิทยากรสามารถทำได้ แต่ต้องทำตามระเบียบขั้นตอน เตรียมสอบปากคำนักศึกษาทุกคนว่าจ่ายเงินให้ใครและนำไปใช้ส่วนไหนบ้าง
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล (ผบช.น.) ได้กล่าวถึงกรณีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเปิดคอร์สอบรมอาสาตำรวจคนจีน และมีการเก็บค่าอบรม 38,000 บาท พร้อมเชิญตำรวจมาเป็นวิทยากร ซึ่งผู้ที่เข้าอบรมเป็นคนสัญชาติจีน ขณะนี้ได้สั่งการให้รักษาการผู้กำกับ สน.ภาษีเจริญ ซึ่งเป็น สน.ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ดำเนินการตรวจสอบความผิดที่เกิดขึ้น โดยได้มีการประสานกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยดังกล่าวแล้ว แต่อธิการบดียังอยู่ที่ต่างประเทศ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ โดยในสัปดาห์หน้าจึงทำการนัดหมายเพื่อพูดคุยหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้นร่วมกันทั้งสามฝ่าย คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ มหาวิทยาลัย และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(อว.)
โดยทางด้านของกระทรวง อว. จะเข้ามาดูเรื่องโครงการหลักสูตรดังกล่าวที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้น ว่าเป็นไปตามระเบียบตามที่กระทรวงฯ อนุญาตหรือไม่ หรือเข้าข่ายความผิดอะไรหรือไม่ และมีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง หากพบว่าใครมีส่วนในการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีทั้งหมด โดยเบื้องต้นคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบทั้งหมดประมาณหนึ่งสัปดาห์
ส่วนการตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และการดำเนินคดีต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ต้องรออธิการบดีเดินทางกลับมาก่อน จึงอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากจะมีการเปิดคอร์สอบรมของตำรวจปกติ แล้วต้องดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.สยาม บอกว่าปกติคอร์สอบรมของตำรวจ หรือหน่วยงานจะต้องมีการเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชา มีผู้เห็นชอบและผู้อนุมัติ โดยจะต้องไปตรวจดูว่าหลักสูตรดังกล่าวเป็นไปตามข้อบังคับหรือไม่ ซึ่งหากภาคเอกชนหรือหน่วยงานอื่นต้องการเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเป็นวิทยากรในหัวข้อการป้องกันภัยหรือการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายก็สามารถทำได้
ส่วนการเรียกสอบปากคำนักศึกษาชาวจีนจะมีการเรียกนักศึกษาชาวจีน 14 คน และคนจีนที่เป็นคนนอกอีก 13 คนมาสอบสวนทั้งหมด และนอกจาก ตำรวจ 2 นายที่มีคำสั่งย้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังไม่พบความผิดเกี่ยวกับตำรวจนายอื่น แต่ยังมีทนายความและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเข้าร่วมเป็นวิทยากรในการอบรมด้วย ซึ่งต้องรอการตรวจสอบจากทางมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน ตอนนี้ต้องรอทางอธิการกลับมาแล้วจะมีการไล่เช็กนักศึกษาว่ามีการจ่ายเงินให้กับบุคคลใด เมื่อได้รับเงินแล้วเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายให้ส่วนไหน และใครบ้าง.-420.-สำนักข่าวไทย