รัฐสภา 12 ธ.ค.- “ณัฐพงษ์” ชี้ “นายกฯ อิ๊งค์” แถลงผลงาน 90 วัน ไม่ผ่านเกณฑ์ เหมือนเป็นการแถลงฝากงาน รมต. มากกว่า นโยบายพลาดเป้า โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจล้มเหลว “ศิริกัญญา” เย้ย ปัญหาใหญ่เท่าขุนเขา แต่แก้ปัญหาเล็กเท่าขนนก เหมือนเป็นการแถลงนโยบายภาคสอง
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข้อสังเกตและข้อคิดเห็นเสนอไปยังรัฐบาลภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาล
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า การแถลวผลงานของรัฐบาลยังไม่ผ่านเกณฑ์ เป็นการแถลงฝากงาน และนายกรัฐมนตรียังพูดไม่ครบ คิดไม่จบ สิ่งที่อยากเรียกร้องและอยากเห็นการทำหน้าที่ของรัฐบาลคืออยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติเช่น การตอบกระทู้ถามของนายกฯ ในสภา รายละเอียดในโยบายของหลายข้อที่ตนกล่าวถึง เชื่อว่าน่าจะได้ละเอียดมากกว่านี้ ถ้านายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาตอบกระทู้ในสภาด้วยตนเอง รวมถึงการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ซึ่งพรรคประชาชนได้ยื่นร่างกฎหมายแล้วกว่า 80 ฉบับ จึงอยากได้ความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมในร่างกฎหมายที่รัฐบาลจะยื่นมาในสภา
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การแถลงผลงานครั้งนี้ คงไม่ได้ให้เป็นเกรด แต่ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ก็คือ ผิดความคาดหวังของประชาชน ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำงานมาแล้วเกือบครึ่งเทอม ถ้ามองจากกรอบการทำงาน 1 ปี 4 เดือน ก็เชื่อว่ายังเป็นการทำงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์ พรรคเพื่อไทยมีจุดเด่นในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมีการแจก เฟส 1 ไปแล้ว แต่กระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งยืนยัน แล้วว่าจะแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพียงเฟสสามเท่านั้น ซึ่งเป็นการพลาดเป้าที่รัฐบาลแถลงนโยบายไว้
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นการแก้ไขปัญหาเรื่องการกระจายอำนาจ แต่รัฐบาลกลับมีการพูดถึงการกระจายอำนาจด้วยกองทุนเอสเอ็มแอล ทั้งที่การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในแต่ละท้องถิ่น ทั้งปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง PM2.5 ไฟป่า ขณะที่การปฏิรูประบบราชการที่นายกรัฐมนตรีมีการพูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัลและรัฐบาลดิจิทัล แต่ไม่ได้พูดถึงปัญหาใหญ่ที่ฝั่งรากในสังคมไทยมาอย่างช้านาน คือการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งตอนนี้มองว่าในรัฐบาลดิจิทัลจะเข้ามาแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้
ขณะที่การแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ยินแค่ นายกฯ บอกว่าจะทำแพลตฟอร์มในการรับเรื่องร้องเรียนยาเสพติด แต่เชื่อว่าปัญหายาเสพติดของประเทศใหญ่กว่านั้น และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้าไม่พูดถึงปัญหาชายแดน หรือความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่มีนโยบายด้านต่างประเทศ ในสงครามการค้าโลกที่เราจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในปี 2568 ภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่จะมีการตั้งกำแพงภาษี จึงอยากเห็นนายกรัฐมนตรี มองบริบทประเทศของตัวเองว่า เราไม่ใช่ประเทศเล็กๆ แต่เราคือประเทศที่มีอำนาจในการต่อรองประเทศหนึ่ง อยากเห็นนายกรัฐมนตรีแสดงบทบาทผู้นำในเวทีอาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อให้มีอำนาจต่อรองในสงครามการค้าโลก และเราจะวางยุทธศาสตร์ไว้อย่างไรเพื่อให้อาเซียนได้รับประโยชน์ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายในไตรมาสแรกของปีหน้าอย่างแน่นอน
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า การแถลงวันนี้ของรัฐบาล ไม่ควรเป็นการแถลงผลงาน 90 วัน เนื่องจากรัฐบาลบริหารราชการมา 1 ปี 4 เดือนแล้ว ไม่ใช่การใช้กรอบ 90 วัน ตามอายุการทำงานของนางสาวแพทองธาร และสิ่งที่เราได้ยินจากนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เป็นการแถลงผลงาน แต่เป็นการแถลงฝากงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีให้ไปศึกษาและทำเรื่องต่างๆ โดยมีการพูดฝากงานถึง 11 ครั้ง และไม่ได้ทำการสรุปผลงานที่ผ่านมา 1 ปีครึ่ง ว่าได้ทำอะไรไปบ้าง และทำสำเร็จตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน แต่ไม่ได้มีการพูดแถลงผลงานอย่างจริงจัง เหมือนเป็นการแถลงนโยบายภาคสองเพิ่มเติมจากเมื่อสามเดือนก่อนเพียงเล็กน้อย ซึ่งพูดเพียงหัวข้อ ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่ง แต่ละเรื่องเหมือนยังคิดไม่ครบทั้งระบบ ปัญหาใหญ่เท่าขุนเขา แต่การแก้ปัญหาเล็กเท่าขนนก
ทั้งนี้ มีหลายเรื่องที่เราเห็นด้วยและสนับสนุน เช่นการทลายทุนผูกขาด การปรับโครงสร้างหนี้ การลดค่าไฟ การส่งออกข้าวและสุราชุมชน แต่ปัญหาไม่ได้มีการลงรายละเอียดใดๆ แต่นโยบายเร่งด่วนที่เคยแถลงต่อสภาไว้ ได้มีการพูดเกือบทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ใหม่ แต่เรื่องที่ไม่ได้มีการพูดถึงเลย แม้มีความคืบหน้ามาโดยตลอด ก็คือเรื่องอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า สิ่งที่เป็นผลงานจริงๆของรัฐบาลใน 1 ปี 4 เดือนคือการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่ได้นำผลการแก้ไขปัญหาออกมาโชว์ แต่ตัวเลขก็ยังตกเป้า ที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยตั้งเป้าที่จะลดฝุ่นละอองทุกภูมิภาค และยังไม่มีมาตรการป้องกันการเผาในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะอ้อยและข้าว ขณะที่โครงการสอบพาวเวอร์ ก็ไม่ได้มีความคืบหน้า พร้อมทวงถามถึงโครงการที่ผ่านไปแล้ว รวมถึงโครงการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยืนยันว่าจะแจกแน่ในปีหน้า แต่ไม่บอกว่าเมื่อไหร่.-315 -สำนักข่าวไทย