นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน มั่นใจนโยบายปี 68 เกิดขึ้นได้จริง

แถลงผลงานรัฐบาล

NBT 12 ธ.ค.-นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน พร้อมมอบนโยบายปี 68 มั่นใจเกิดขึ้นได้จริงเป็นรูปธรรม เตรียมดันการศึกษาไทยไปเรียนรู้ต่างประเทศ ยันเงินหมื่นเฟส 2 ได้แน่ช่วงตรุษจีน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นแน่ ผุดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ผ่อน 4,000 บาท 30 ปี อยู่ยาว 99 ปี ย้ำทุกคนคือทีมเดียวกัน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 90 วันภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วม


โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 90 วัน นับจากวันที่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ถือเป็นช่วงเวลาการปรับตัว ปรับการทำงาน ในฐานะนายกรัฐมนตรีถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ได้เข้ามาเรียนรู้ และทำเรื่องต่าง ๆ โดยหลังจากนี้อาจจะมีสิ่งที่แปลกใหม่เกิดขึ้น แต่วันนี้รัฐบาลเราทำงานเป็นทีม เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง และมองไปข้างหน้า เพื่ออนาคตของประชาชน การจะเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ต้องวางรากฐาน โครงสร้างสำคัญไว้ให้กับประเทศไทยในอีกทศวรรษข้างหน้า เพื่อให้ประเทศไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม จะสร้างสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นความฝันให้เกิดขึ้นจริงได้ ทำให้มีนโยบายกินได้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองมานานกว่า 20 ปี และวันนี้ทุกคนพร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้า และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ปัญหาแรก คือ ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ที่ปีนี้เจอปัญหาค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่มีดินโคลนถล่ม รวมถึงน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปเห็นด้วยตัวเองทำให้รู้สึกบางอย่างว่า เมื่อมีตำแหน่งที่มีเกียรตินี้แล้ว จะเปลี่ยนแปลง และช่วยเหลือ ประชาชนได้อย่างไรบ้าง ซึ่งการเยียวยาของรัฐถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ประชาชนเดินหน้าต่อไปได้ ขณะเดียวกันการแก้ปัญหายังไม่บูรณาการ ไม่มีการพูดคุยกัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องแก้อันดับแรก คือ เปลี่ยนวิธีคิดแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งอย่างถาวร ทำให้น้ำมีทางออก ทุกฝ่ายต้องมาคุยกัน และอนาคตจะต้องวางแผนในระยะยาว ควบคู่กับการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่เกิดปัญหานี้เช่นกัน เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ พร้อมกันนี้ จะแก้กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนสามารถขุดลอกคูคลอง นำดินไปขาย เกิดอาชีพ เกิดรายได้ ซึ่งจะศึกษาเรื่องนี้ให้ละเอียด และการขุดลอกคูคลองจะต้องไม่ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่ที่จะสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้


นอกจากนี้ โครงการขนาดใหญ่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างดี จึงต้องคิดใหญ่ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งมอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปรับผิดชอบเรื่องนี้

ขณะที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐาทวีสิน ได้กำหนด KPI ไว้ คือ จะต้องทำให้ฝุ่นเกิดขึ้นน้อยที่สุด เช่น จากการควบคุมการเผาไหม้ ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมพื้นที่เผาไหม้ลดลงได้ถึงร้อยละ 50 และจากการเทียบค่าฝุ่นจากปีที่ผ่านมาก็ลดลงค่อนข้างมากเช่นกัน พร้อมกันนี้จะมีนโยบายไม่รับซื้อสินค้าจากการเผาไหม้จากประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องจริงจังกับการไม่เผาอ้อย เพื่อแก้ปัญหาที่หมักหมมมานาน และเป้าหมายของรัฐบาล คือ ต้องการคืนอากาศที่ดีให้กับประชาชน คืนสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ปัญหายาเสพติด ที่ขณะนี้กลับมาระบาดในประเทศอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดักศักยภาพของคนไทยไว้ ดังนั้น รัฐบาลจะเอาจริงเรื่องนี้และประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบ และเฝ้าสังเกต โดยรัฐบาลจะทำแพลตฟอร์มให้ประชาชนทุกคนสามารถแจ้งเบาะแสแจ้งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยข้อความนั้นจะส่งตรงถึงนายกรัฐมนตรี ที่มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และใช้โมเดลจากจังหวัดน่าน และจังหวัดร้อยเอ็ด จากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ไปพัฒนาในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ถ้าสามารถกำจัดอุปสรรคนี้ไปได้ คนไทยจะสามารถกลับมาสร้างอาชีพ และต้องเฝ้าระวังไม่ให้คนหันกลับไปใช้ยาเสพติดอีก โดยขอมอบหมายให้นายภูมิธรรมเวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้


นอกจากนี้ การทะลายทุนผูกขาดเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะแก้ไข เพราะการผูกขาดทำให้ประชาชนจนลง รัฐบาลจะปลดล็อคเรื่องการแก้กฎหมาย ลดขั้นตอนทำให้เกษตรกรมีโอกาสสามารถส่งเข้าออกข้าวได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยทำให้เอสเอ็มอีกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ขณะที่ค่าพลังงาน ค่าไฟ ที่มีภาระค่าใช้จ่ายซ่อนอยู่จำนวนมาก ดังนั้น ค่าพลังงานในปีหน้าทั้งหมดจะต้องลดลงอย่างแน่นอนโดยฝากให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานดูแลเรื่องนี้

ขณะเดียวกันจะสร้างโอกาสให้ประชาชนมีธุรกิจของตัวเอง เช่น ตลาดเครื่องดื่มของไทย มีการส่งออกมากกว่าปีละ 70,000 บาท รัฐสามารถเก็บภาษีได้มากกว่า 185,000 ล้านบาท โดยฝากเรื่องนี้ให้กับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับผิดชอบเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงธุรกิจนอกระบบ ที่ตั้งใจจะนำธุรกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เสียภาษีได้ถูกต้อง เนื่องจากขณะนี้มีมูลค่ามากกว่าร้อยละ 49 ของจีดีพี ซึ่งเป็นช่องทางของมาเฟีย และช่องทางของคอรัปชั่น ทำให้รัฐไม่สามารถปกป้องประชาชนได้ แต่ถ้าทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เก็บภาษีได้อย่างเป็นระบบ ก็จะสามารถใช้ภาษีนั้นมาพัฒนาประเทศ โดยมอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายประเสริฐ รับผิดชอบเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต ประเทศไทยจะต้องเป็น AI ฮับของภูมิภาค เพื่อทำให้ต่างชาติเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจในอนาคตนี้ ซึ่ง AI จะเป็นโอกาสใหม่ให้กับประชาชน รัฐบาลมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มในส่วนของธุรกิจอนาคตทั้ง AI EV และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งประเทศเรากำลังเริ่มในเรื่องนี้ แม้จะเริ่มช้า แต่ไม่สายเกินไปอย่างแน่นอน เรากำลังสร้างคนไปเรียนรู้ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมสำหรับธุรกิจเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้นายประเสริฐ และนายพีรพันธุ์ไปดูแลเรื่องนี้

นอกจากนี้จะทำครัวไทยสู่ครัวโลก โลจิสติกส์ ซอฟต์พาวเวอร์ รวมถึงเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว เพื่อหาเม็ดเงินใหม่

ทั้งหมดนี้ ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะทำได้จริงปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทยทุกคน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ตั้งแต่เล็กจนโตรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ นายกรัฐมนตรีไม่ว่าจะเป็นใคร รัฐบาลไม่ว่าจะชุดไหน แต่นโยบายที่ดีจะต้องอยู่คู่กับคนไทย นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจ ทุกนโยบายหลังจากนี้ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 จะนำนโยบายที่ดีในอดีตมาใช้ เช่นโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน โดยจะใช้เงินจากกองสลาก จัดทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่เรียนดี เรียนเก่ง ไปเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อให้มีโอกาส และนำโอกาสนั้นกลับมาสู่ประเทศไทย โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งซัมเมอร์แคมป์ เพื่อออกไปเรียนซัมเมอร์แคมป์ในช่วงปิดเทอม เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม การเติบโต วิถีชีวิตของคนที่ไม่เหมือนเราโดยสิ้นเชิง ทำให้รู้สึกว่าเปิดโลก สร้างโรงเรียนต้นแบบประจำอำเภอ โดยจะใช้เงินจากกองสลาก เพื่อเตรียมพร้อมเด็กสู่การเติบโตที่เข้มแข็ง แข็งแรง และมีการศึกษาที่ดี โดยจะเริ่มลงทะเบียนในปี 2568 โดยมอบหมายให้นายอนุทิน นายประเสริฐ และนายสุริยะ รับผิดชอบเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการ SML EMPOWERING THAIS กระจายอำนาจสู่ชุมชน ซึ่งรัฐไม่ได้อยากเข้าไปแทรกแซง แต่อยากให้คนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน เพื่อหาปัญหา และความต้องการด้วยตัวเอง โดยหลังจากนี้ จะกระจายอำนาจกระจายเงินไปสู่มือประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มในปี 2568 และจะเพิ่มเงินในทุก ๆ ปี โดยดูจากผลประกอบการของแต่ละหมู่บ้านว่าสามารถทำเงินมาให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกธุรกิจ และการประกอบอาชีพที่ดีที่สุดให้กับหมู่บ้าน

นอกจากนี้จะมีโครงการซอฟต์โลนให้กับเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีกลับมายืนได้อย่างเข้มแข็ง

สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย จะใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีความครบวงจร เช่น พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย มาจัดสรรทำเป็นบ้านขนาด 30 ตารางเมตร ให้คนไทยที่ไม่เคยมีที่อยู่อาศัย โดยจะไม่มีเงินดาวน์ แต่จะเป็นการจ่ายค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาทผ่อนระยะยาว 30 ปี มีสิทธิ์อยู่ถึง 99 ปี โดยปีหน้าจะมีบ้านตัวอย่างให้ดูขอให้อดใจรอ

ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน เพราะเมื่อดูเรื่องการเดินทางของรถไฟฟ้าหากคิดเป็นครั้งก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดทุกวันก็เป็นลมเหมือนกัน ดังนั้น ในปีหน้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะมาแน่นอน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นมากว่าเราจะเติมเงินเข้าไปในระบบจากสภาวะเศรษฐกิจที่แย่ติดต่อกันหลายปี เพราะเงินในระบบไม่พอ จึงต้องมีการเติมเงินเข้าไป และมีการเติมเงินเข้าไปแล้วหนึ่งครั้งกับกลุ่มแรก 14ล้านคน ทำให้จีดีพีของไทยในไตรมาสที่4 เกิน 3% แน่นอน

ส่วนเฟสที่2 สำหรับผู้สูงอายุ 4 ล้านคนสามารถรับเงิน 10,000 บาทได้ไม่เกินตรุษจีน 2568 ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มารูปแบบของซองอั่งเปา แต่จะมาในรูปแบบของเงินสด

ขณะที่เฟสที่3 สำหรับบุคคลทั่วไป ไม่ได้ให้ในรูปแบบของเงินสดแต่จะให้ในรูปแบบของดิจิทัล ซึ่งก็มีคำถามจากหลายคนว่าทำไมไม่ให้เงินสด เพราะเงินสดง่ายดี แต่ความตั้งใจแรกตั้งแต่เริ่มนโยบายนี้คือการให้แบบดิจิทัลวอลเล็ต และทุกวันนี้ AI เข้ามามีบทบาทมาก นี่จึงเป็นเครื่องมือเชื่อมรัฐบาลกับประชาชน

พร้อมยกตัวอย่าง เช่น การรับเงินเยียวยาหากไม่ใช้ระบบดิจิทัลต้องมีการยืนยันตัวตนนานเป็นเดือน แต่หากใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาอาจใช้ระยะเวลาเพียง2-5 วันในการระบุบุคคล พื้นที่ว่าได้รับเงินเยียวยาแล้วหรือยัง จึงถือเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะใช้ดิจิตอลวอลเล็ต ในการเปิดทางเชื่อมต่อกับประชาชน และไม่ใช่เพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐอย่างรวดเร็ว และตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้แน่นอนว่าในเฟสที่3จะเกิดขึ้นภายในปี 2568 อย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงการแก้หนี้ครัวเรือน ว่า เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ เกิดขึ้นแทบทุกครัวเรือ ไม่ว่าจะเป็นหนี้รถยนต์หรือหนี้บ้าน ซึ่ง 2 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่โดนยึดตลอด จึงให้เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล ดังนั้นจึงมีการสร้างความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ ตกลงกันลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟู 0.23% เป็นเงินกว่า 39,000 ล้านบาทต่อปี และธนาคารพาณิชย์สมทบ 39,00 ล้านบาท เพื่อนำเงินในกองทุนมาพักดอกเบี้ยให้ประชาชน 78,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี และเงินทุกบาทที่จ่ายจะเป็นการจ่ายเพื่อลดเงินต้น เมื่อจ่ายไปแล้วก็จะทำให้ดอกเบี้ยถูกลงด้วย

”ต่อจากนี้ทุกบาททุกสตางค์ที่ประชาชนทำงานได้จะเป็นการจ่ายเพื่อลดเงินต้น ทำให้ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากได้และพักภาระหนี้สินได้ ในช่วง 2 ปีที่เหลือของรัฐบาลนี้ประชาชนต้องกินดีอยู่ดีเศรษฐกิจต้องดีขึ้น และการสมัครเข้าโครงการนี้จะเกิดขึ้นภายในปี 2568“ นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จากข้อมูล พบ 335,000 บัญชี ที่เป็นหนี้เอ็นพีแอลรัฐบาลจะช่วยลดภาระหนี้ตรงนี้ให้หลายคนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นบุคคลที่ทำถูกต้องตามกฏหมายและเดือดร้อนจริงๆโดยมอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับผิดชอบ

ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือนโยบายที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้และเกิดขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้คณะรัฐมนตรี ทีมข้าราชการ และประชาชนเราคือทีมเดียวกัน เราทุกคนต่างมีหัวใจเดียวกันนั่นคือหัวใจที่รักประเทศไทย รักประชาชนคนไทย เราจะลดอำนาจของรัฐลงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้นคนไทยมี 66 ล้านคน ราชการมี 3 ล้านคน พอเทียบตัวเลขมีความห่างกันแต่ 3ล้านกว่าคนคือคนไกลที่สำคัญอย่างมากในช่วยการผลักดันประเทศ ขอให้ร่วมมือกันทุกภาคส่วนทำเพื่อ ประเทศไทย คนไทยที่เรารัก วางรากฐานที่เข้มแข็งให้กับลูกหลานของเราในอนาคตอีก 10 ปี 20 ปีขอให้ร่วมกันทำเพื่อประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และเชื่อว่าจะได้เห็นศักยภาพของคนไทย พร้อมย้ำปีหน้าเป็นปีแห่งโอกาสและมีความหวังด้วยกัน

หลังจากนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายที่ รัฐบาลจะทำในปี 2568 ให้รองนายกรัฐมนตรี ทั้ง 6 คนแล้ว จากนั้นเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยออกเป็น 6 กลุ่มตามจำนวนของรองนายกฯรัฐมนตรี เพื่อให้รองนายกรัฐมนตรี สรุปนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบ โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินร่วมทักทายพูดคุยกับ หัวหน้าส่วนราชการและผู้ว่าฯทั้ง 6 กลุ่ม

สำหรับการแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 90 วัน นายกรัฐมนตรีใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยแบ่งออกเป็นสองช่วงคือสิ่งที่รัฐบาลได้ทำและสานต่อนโยบายจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกรัฐมนตรี มาจนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน และส่วนที่สองคือนโยบายที่รัฐบาลจะทำในปี 2568 โดยแบ่งมอบงานให้รองนายกฯรัฐมนตรี 6 คน ที่กำกับดูแลงานแต่ละกระทรวงเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ และแจกงานให้กับหัวหน้าส่วนราชการและผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปขับเคลื่อน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]