เหยื่อบุฟเฟ่ต์แซลมอนดังร้องทนาย ถูกหลอกขายคูปองก่อนปิดร้านหนี

กรงเทพฯ 19 มิ.ย. – เหยื่อบุฟเฟ่ต์แซลมอนเจ้าดังตบเท้าเข้าพบทนาย หลังโดนหลอกขายคูปองราคาถูก แต่กลับปิดร้านหนี แถมเพจเฟซบุ๊กปลิวหาย ติดต่อเจ้าของไม่ได้ ด้านผู้จัดการร้านยันพนักงานและเจ้าของแฟรนไชส์ไม่รู้เรื่อง ขณะที่ สคบ.แนะผู้เสียหายเก็บหลักฐาน-แจ้งสายด่วน 1166


เมื่อลูกค้าหลายรายที่ซื้อ Voucher หรือคูปองร้านบุฟเฟ่ต์ดังซึ่งมีอยู่ 27 สาขา ในห้างดังต่าง ๆ จะเข้าไปใช้บริการแต่กลับพบว่าร้านปิด โดยมีกระดาษพิมพ์ข้อความแปะประตูร้านว่า “ปรับปรุงระบบ” หลายคนได้สอบถามและพูดคุยในกลุ่มเฟซบุ๊กจนทราบว่าร้านดังกล่าวทุกสาขาปิดร้านโดยไม่มีกำหนด และไม่มีการแจ้งล่วงหน้า แม้กระทั่งพนักงาน สร้างความเสียหายทั้งลูกค้าที่ซื้อ Voucher นักลงทุนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปเปิดสาขา รวมถึงพนักงานเกือบ 300 คน ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้รับเงินเดือนหรือไม่

วันนี้กลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อ Voucher ล่วงหน้าจากร้านดังกล่าว จำนวน 10 คน จากทั้งหมดกว่า 6,000 คน โดยมีทั้งผู้ที่ซื้อไว้เพื่อไปกินเอง และซื้อเพื่อนำไปขายต่อทำกำไร นำหลักฐานการซื้อและสลิปโอนเงินเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ที่ จ.นนทบุรี


หนึ่งในผู้เสียหายคือ น.ส.เจน บอกว่าตนเองเป็นทั้งลูกค้าและเป็นผู้จำหน่ายคูปองให้กับลูกค้าคนอื่น ๆ เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจนี้ทำกำไรได้ จึงนำเงินของครอบครัวไปลงทุนซื้อคูปอง Voucher จำนวน 2,628 ใบ ราคาใบละ 212.93 บาท รวมเป็นเงิน 559,380 บาท เพื่อขายให้กับลูกค้าในเพจของตน ราคาใบละ 240 บาท ได้กำไร 27 บาทต่อใบ แต่หากลูกค้าโดยตรงกับทางร้านจะต้องจ่ายในราคาใบละ 299 บาท ตนทำธุรกิจนี้มาแล้วกว่า 2 ปี กระทั่งทราบว่าร้านปิดทุกสาขา จึงติดต่อไปหาลูกค้าที่ซื้อ Voucher จากตนเองไป เพื่อโอนเงินคืนให้ ซึ่งตนโอนเงินคืนไปแล้ว 40 ราย และได้สอบถามผู้จัดการร้าน ทราบว่าเจ้าของบริษัทเป็นหนี้สินหลายทาง ทั้งค่าปลาแซลมอน ค่าเช่าร้าน

ส่วนนายปรัชญิล บอกว่า ตนเองเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ คอยติดตามโปรโมชันเพื่อซื้อคูปองหลายครั้ง ล่าสุดทางร้านประกาศขายในราคา 199 บาทต่อใบ แต่มีข้อจำกัดว่าต้องซื้อ 5 ใบ ตนจึงซื้อไว้ 10 ใบ แต่ได้ใช้ไป 6 ใบเท่านั้น

ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายที่เดินทางมาวันนี้มีทั้งลูกค้าที่ซื้อคูปอง และผู้ที่ทำธุรกิจกับร้านบุฟเฟ่ต์ เข้ามาขอคำปรึกษา หาช่องทางกฎหมายเอาผิดกับเจ้าของบริษัท หลังจากพูดคุยกับผู้เสียหายได้แนะนำให้แจ้งความจึงจะสามารถดำเนินคดีได้ โดยเฉพาะคดีแพ่ง สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ ส่วนคดีอาญาต้องดูที่เจตนาของเจ้าของบริษัทว่าเขามีเจตนาฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ หรือผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ ซึ่งอัตราโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ย้ำว่าผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ที่ Thai Police.com


ผู้จัดการร่ายยาวยันพนักงาน-เจ้าของแฟรนไชส์ไม่รู้เรื่อง
อย่างไรก็ตาม หลังเป็นกระแสดราม่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งระบุว่าตนเองคือหนึ่งในผู้จัดการสาขาของร้านดังกล่าว ยืนยันว่าพนักงานร้านและเจ้าของแฟรนไชส์ไม่รู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ จู่ ๆ เจ้าของบริษัทดีดตัวเองออกจากไลน์กลุ่มทั้งหมด ติดต่อไม่ได้ ตนและคนอื่น ๆ เพิ่งทราบเรื่องเช้าวันที่ 17 มิถุนายน ที่เจ้าของบริษัทออกจากกลุ่มไลน์ทั้งหมด ไม่มีใครติดต่อได้ ทางกลุ่มผู้จัดการจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อ ก่อนจะได้มติว่าปิดให้บริการ 1 วัน เพราะยังมีความหวังว่าจะติดต่อเจ้าของบริษัทได้

คำตอบที่ว่า “ระบบส่วนกลางล่ม” เป็นคำตอบที่คิดขึ้นได้ในขณะนั้นที่ทางลูกค้ากระหน่ำโทรเข้ามาสอบถาม เพราะไม่รู้ว่าจะให้คำตอบอย่างไรดี ถ้าตอบว่าติดต่อผู้บริหารไม่ได้กลัวจะมีผลต่อหน้าที่การงานในอนาคต ที่ปิดทุกสาขาเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้าของกลุ่มผู้จัดการ เพราะซัพพลายเออร์ไม่ส่งวัตถุดิบให้ แถมบริษัทยังมีหนี้เก่าค้าง

บริษัทไม่มีทีมบริหาร ไม่มีฝ่ายบุคคล-บัญชี หรือทีมบริหาร การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่เจ้าของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว พอเจ้าของไปก็ล้มทั้งระบบ ผู้จัดการสาขารายนี้ยังแนะนำลูกค้าที่ซื้อคูปองที่กังวลว่าจะถูกฉ้อโกงให้ไปแจ้งความได้เลย ไม่ต้องโทรเข้าสาขา เพราะพนักงานไม่มีคำตอบให้แม้แต่อนาคตของตัวเอง

นอกจากนี้ผู้จัดการสาขายังฝากไปถึงเจ้าของบริษัทที่ตนเองเรียกว่า “บอส” ว่าถ้าบอสได้มาอ่านอยากให้มาแก้ปัญหา เผชิญความจริง เชื่อว่าเรื่องนี้มีทางออกที่ดีกว่านี้ ตนยังไม่ลืมวิกฤติโควิด-19 รอบแรกที่ได้มาทำงานกับบริษัทนี้ บอสอ้าแขนรับไว้ เป็นเจ้านายที่ดีมาก ๆ ตนรู้ว่าบริษัทไม่ได้มีกำไร บอสพูดเสมอว่าสู้เพื่อลูกน้อง เพื่อให้มีการจ้างงาน จนถึงวันนี้ยังไม่มีความโกรธเกลียด ยังรักเหมือนเดิม

สคบ.แนะผู้เสียหายเก็บหลักฐาน-แจ้งสายด่วน 1166
ด้านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ระบุว่า กรณีดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายความผิดด้านสัญญาที่ชัดเจน เพราะขาย Voucher แล้วเปิดให้บริการไม่ได้ โดย สคบ. จะเรียกเจ้าของร้านบุฟเฟ่ต์แซลมอนชื่อดังมาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงรายละเอียดของเรื่องดังกล่าว ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อคูปองล่วงหน้า (E-Voucher) ของร้านดังกล่าว ให้เก็บหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิ หลักฐานการคุยกันในแอปฯ หรือแชต หากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตให้ติดต่อที่ธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อขอเงินคืนโดยด่วน หรือร้องเรียนมาที่ https://complaint.ocpb.go.th/ หรือสายด่วน 1166 (ในวันและเวลาราชการ)

ด้านเจ้าของบริษัท IT Provider ที่ร้านดังกล่าวว่าจ้างให้สร้างและพัฒนาแอปฯ โพสต์ข้อความระบุว่า หลังจากเห็นข่าวหลายช่อง และทาง สคบ. ให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทันที จึงได้ติดต่อสายด่วนไปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ปิด จึงได้ไปสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันแล้ว และพร้อมส่งมอบข้อมูลทันที ตอนนี้ร้านดังกล่าวไม่มี E-Voucher แล้ว ตัวเลขคูปองจะโชว์ในแอปฯ หากท่านใด log out จะกลายเป็นศูนย์ หลักฐานจะหายไป และ log in ไม่ได้ เนื่องจากระบบปิดหมด เพราะเกรงคนจะซื้อเพิ่ม และจะมีผู้เสียหายเพิ่มเติม พร้อมเผยรู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนร่วม พร้อมส่งมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ สคบ.

เหยื่อบุฟเฟ่ต์ทิพย์ทยอยแจ้งความ
ผู้เสียหายอีกกลุ่ม จำนวน 11 คน ซึ่งอยู่ใน จ.สมุทรปราการ รวมตัวเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของแฟรนไชส์ และคนขายแฟรนไชส์ ซึ่งก็คือเจ้าของบริษัท หลังซื้อคูปองออนไลน์ในราคาใบละ 199 บาท คนละหลายใบ แต่ตอนนี้ทุกสาขาปิดหมด ทำให้กังวลว่าคูปองจะสามารถใช้ได้อีกหรือไม่

นางสาวจุฑามาศ อายุ 40 ปี เปิดเผยว่า ตนเองซื้อคูปองผ่านแอปพลิเคชัน ในราคา 199 บาท โดยคูปองมีอายุประมาณ 6 เดือน ผู้เสียหายทุกคนที่เดินทางมาในวันนี้โดนไม่ต่ำกว่าคนละ 5 ใบ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตนได้โทรไปที่สาขาเพื่อจองคิวเข้าใช้บริการ แต่ติดต่อไม่ได้ โทรไปสาขาอื่น ๆ ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เช่นกัน ตนเองจึงเข้าไปดูที่เพจเฟซบุ๊กของร้าน พบว่าเพจถูกปิดเช่นกัน จึงรวมตัวกับผู้เสียหายใน จ.สมุทรปราการ มาแจ้งความ

นอกจากที่มาวันนี้ยังมีผู้เสียหายคนอื่น ๆ ในกรุ๊ปไลน์อีกมากกว่า 60 คน พร้อมเผยการแจ้งความวันนี้ไม่ได้หวังเงินคืน แต่อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้บริโภค หลังจากนี้จะรวมตัวนำหลักฐานเข้าไปแจ้งร้องทุกข์ สคบ. อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย