DSI เรียกสอบคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เพิ่ม 5 ราย รวม 12 ราย

ดีเอสไอ 7 ก.ค. – ดีเอสไอ เรียกสอบพยานคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เพิ่ม 5 ราย รวม 12 ราย ขยายผลเส้นเงินโยงขบวนการฮั้ว สว.


นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวถึงความคืบหน้าหมายเรียกพยานกลุ่มแรก จำนวน 7 ราย ในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เนื่องด้วยปรากฏเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับขบวนการจัดฮั้ว สว. มีการโอนเงินในลักษณะเครือข่ายที่มีการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู พบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 24 จังหวัด ที่คณะพนักงานสอบสวนได้เชิญมาให้ปากคำชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน ปัจจุบันมีพยานเข้ามาให้ปากคำแล้ว 3 ราย ซึ่งวันนี้จริงๆ แล้ว พนักงานสอบสวนได้นัดหมายพยานไว้ 1 ราย แต่เจ้าตัวไม่ได้เดินทางเข้าพบตามนัดหมาย และไม่ได้มีการแจ้งเลื่อนแต่อย่างใด จึงทำให้พนักงานสอบสวนจะต้องมีการออกหมายเรียกพยานครั้งที่ 2 ส่วนถ้าหากยังไม่เข้าพบในหมายเรียกพยานครั้งที่ 2 ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องขอศาลออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนต้องดูว่าปัญหาคืออะไร เหตุใดพยานจึงไม่ได้รับหมายเชิญเข้าให้ปากคำ อาจเป็นปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยทะเบียนบ้านที่ไม่ตรงกับที่อยู่อาศัยในปัจจุบันหรือไม่ หรือไปรษณีย์มีการตีกลับเอกสารหรือไม่อย่างไร ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องไปตรวจสอบเรื่องที่อยู่ของพยานอีกครั้ง ส่วนอีก 3 รายที่เหลือ จะมีการทยอยเข้าให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) และในวันที่ 9 ก.ค. ตามกำหนด อย่างไรก็ตาม ผลการให้ปากคำของพยานทั้ง 3 รายแรก ไม่ได้เป็นการปฏิเสธไปทั้งหมด แต่ก็เป็นทำนองชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินว่าเส้นทางการเงินที่พนักงานสอบสวนได้สอบถามนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แต่พยานก็ยืนยันว่าเป็นการโอนเงินจริง และเป็นธุรกรรมที่ทำปกติอยู่แล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับช่วงเลือก สว. ก็ตาม

นายระวี เผยอีกว่า ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนยังได้ออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติมอีก 5 ราย เพื่อให้เข้ามาชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน ซึ่งการออกหมายเรียกพยานนั้น พนักงานสอบสวนจะทยอยออกหมายเรียกทุกวันแน่นอน ไม่ได้มีการจำกัดว่าหนึ่งลอตจะต้องเชิญกี่ราย แต่พนักงานสอบสวนต้องดูไปตามความเกี่ยวข้องจากพยานหลักฐาน อย่างไรก็ดี พยานกลุ่มสอง จำนวน 5 รายนี้ ล้วนมีพฤติการณ์คล้ายกับพยานกลุ่มแรก คือ มีธุรกรรมการโอนเงินในช่วงการเลือก สว. จึงต้องเชิญพวกเขาเข้ามาชี้แจงแสดงข้อเท็จจริงเรื่องเส้นทางการเงินว่าเงินดังกล่าวที่พนักงานสอบสวนพบนั้น เป็นการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเรื่องใด


นายระวี เผยต่อว่า ต้องอธิบายว่าจำนวนพยานทั้ง 12 ราย ที่คณะพนักงานสอบสวนเชิญมาให้ปากคำเรื่องเส้นทางการเงินนั้น เพราะเจอพยานหลักฐานที่ปรากฏดังกล่าว จึงต้องเชิญพวกเขามาชี้แจง แต่ย้ำว่าไม่ได้เป็นการระบุว่าพวกเขากระทำผิด เพียงแต่ว่าเส้นทางการเงินที่ปรากฏ มันอยู่ในช่วงของการรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พอดี และมีลักษณะเส้นทางการเงินที่พนักงานเห็นควรว่าต้องตรวจสอบ พวกเขาก็ต้องตอบหรือชี้แจงว่าทำไมจึงมีการโอนเงินในช่วงเวลาดังกล่าว หรือเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องใดบ้าง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในคดีการฟอกเงินที่ต้องดำเนินการ

เมื่อถามว่าต้นทางของแหล่งเงินที่โอนมาให้พยานเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของพรรคการเมือง หรือเป็นคนธรรมดาหรือไม่นั้น นายระวี เผยว่า พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งก็ต้องตรวจสอบย้อนกลับขึ้นไปว่าเป็นเงินที่มาจากที่ไหน เบื้องต้นเราเชิญพยานให้เข้ามาชี้แจงก่อน แต่ถ้าหากเจอว่าเส้นทางการเงินเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) คณะพนักงานสอบสวนก็ต้องเชิญมาให้ปากคำในฐานะพยานเช่นกัน แต่การจะออกหมายเรียกพยานกับกลุ่มคนเหล่านี้ ก็มีความจำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนก่อน

ต่อข้อถามจากรายงานข้อมูลการสืบสวนของดีเอสไอ เรื่องเส้นทางการเงิน รวมไปถึงรายการเดินบัญชี (Statement) มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มพยานที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินอาจจะมีจำนวนมากกว่า 100 รายนั้น นายระวี ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากสเกลที่ดีเอสไอรับผิดชอบสอบสวนเป็นเรื่องของการฟอกเงิน ซึ่งขอบเขตความรับผิดชอบจะใหญ่กว่าในส่วนที่ กกต. ดำเนินการ จึงย้ำว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ คู่ขนานไปกับการให้ความเป็นธรรมกับพยาน จึงจะได้ข้อสรุปว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยว หรือมีมูลหนี้ใด


เมื่อถามว่าในฐานะที่นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา เป็น 1 ใน 7 อรหันต์ หรือคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน มองอย่างไรว่าหากบุคคลดังกล่าวถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะมาตราเกี่ยวกับการรับเงิน จะต้องเข้ามาชี้แจงเรื่องการฟอกเงินกับทางดีเอสไอ ในฐานะที่ดีเอสไอรับดำเนินคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงินหรือไม่นั้น นายระวี ชี้แจงว่า สำหรับบุคคลใดที่ถูกแจ้งมาตรา 77 (1) ตาม พ.ร.ป.สว.61 “กำหนดว่าผู้ใดกระทำการจัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด” ก็จะต้องเข้ามาที่กองคดีการฟอกเงินทางอาญาเพื่อชี้แจงตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เช่นเดียวกัน เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนมีรายชื่อของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินเรียบร้อยแล้ว แต่เพียงแค่ว่าตามกฏหมายของ กกต. ก็จะเป็นกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ส่วนดีเอสไอก็จะเป็นอีกข้อหาหนึ่ง จึงทำให้การสอบสวนจะมีความคล้ายกัน แต่ใดๆ แล้วบุคคลนั้นต้องชี้แจงให้ได้ว่าเส้นทางการเงินนั้นคือธุรกรรมอะไร

เมื่อถามว่าทางคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน เตรียมที่จะมีการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งให้กับสำนักงาน กกต. ในเร็วๆ นี้ ส่วนทางสำนวนคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน จะต้องสรุปสำนวนในเวลาใกล้เคียงกันด้วยหรือไม่ นายระวี ระบุว่า ไม่จำเป็น เพราะมันเป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เนื่องจากในส่วนของกฎหมายอั้งยี่-ฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนของ พ.ร.ป.สว.61 ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทราบว่าสำนวนคดี พ.ร.ป.สว.61 (คดีฮั้ว สว.) ใกล้จะเสร็จสิ้น และจะส่งให้ กกต. ภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ เบื้องต้นรวมแล้วมีผู้เกี่ยวข้องในสำนวนมากกว่า 200 ราย แต่ผู้เกี่ยวข้องอื่นอาจยังมีเพิ่มเติม แต่อาจต้องขอแยกสำนวนของ กกต. มิฉะนั้นอาจสรุปสำนวนไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับมติของทาง กกต.

ต่อข้อถามว่าเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าสำนวนคดีฮั้ว สว. ที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนรับผิดชอบอยู่นั้น จะถูกส่งถึงมือนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ภายในปี 2568 นั้น นายระวี กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลา มั่นใจว่าดำเนินการทันอย่างแน่นอน

สำหรับพยานทั้ง 3 ราย จากทั้งหมด 7 ราย ในกลุ่มแรก ที่เข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน ประกอบด้วย น.ส.สินิตา, นายสุบิน และนายอาทร จึงยังเหลือพยานอีกเพียง 4 ราย คือ นายวรพจน์, น.ส.ญาณี, น.ส.ภัณนิภา และนายอากร ที่จะต้องเข้าให้ปากคำระหว่างวันที่ 8-9 ก.ค.68.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ โดยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

เร่งหาสาเหตุ จนท.สวนสัตว์ลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตรุมขย้ำ

10 ก.ย. – เหตุสลด จนท.สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งถูกสิงโตรุมขย้ำจนเสียชีวิต ขณะลงจากรถ ทางสวนสัตว์เร่งหาสาเหตุลงไปทำไม ทั้งที่เจ้าตัวทราบกฎของสวนสัตว์ดีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวอินเดียบันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งลงจากรถ ก่อนถูกสิงโตตัวแรกเข้ามากัดจากทางด้านหลัง แล้วลากไปให้เพื่อนสิงโตอีก 4 ตัว รุมขย้ำ โดยในคลิปเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดิ้นขัดขืน และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนนอนแน่นิ่งและถูกรุมกัดจนเสียชีวิต ขณะที่ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์สิงโตรุมขย้ำเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์ และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างนอกรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูรถทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้าเข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจอย่างมาก แต่เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาข้างหลัง ก่อนตะครุบเข้าทางด้านหลังเจ้าหน้าที่ทันที โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้นสิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ […]

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย