9 เม.ย. – “ทนายตั้ม” นำพยานพร้อมหลักฐานเส้นทางการเงินเพิ่มเติมยื่นคณะกรรมการ ก.ร.ตร. รอบ 2 เชื่อสามารถเอาผิด “บิ๊กตำรวจ” ได้ภายใน 60 วัน
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมพยาน เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ที่สำนักงานจเรตำรวจ (กองบินตำรวจ) ถ.รามอินทรา เขตบางเขน กรุงเทพฯ
นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้นำหลักฐานเส้นทางการเงินของขบวนการเว็บพนันออนไลน์ชุดเดิมที่มีรายละเอียดมากขึ้นมามอบให้กับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ ก.ร.ตร. เพิ่มเติม โดยเป็นรายละเอียดที่เยอะและชัดเจนมากขึ้น ซึ่งความเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูง รวมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เพื่อให้คณะกรรมการง่ายต่อการตรวจสอบ
นายษิทรา เชื่อและมีความมั่นใจ พร้อมคาดหวังว่าคณะกรรมการชุดนี้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินของเว็บพนันออนไลน์ได้ และสามารถเอาผิดผู้ที่ร่วมก่อเหตุได้ ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวตรงไปตรงมา และสามารถนำผลมติเอาผิดกับผู้กระทำความผิดได้ภายใน 60 วัน
นายษิทรา กล่าวว่า ส่วนที่ สน.เตาปูน หลังจากนี้จะให้พยานทำเป็นหนังสือประกอบสำนวนคดี เนื่องจากที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนสอบปากพยานทั้ง 2 คน คือ สายลับ และ น.ส.พิมพ์วิไล ไปเพียงแค่ 1 แผ่นหน้ากระดาษ จึงทำให้ไม่มั่นใจในการทำงานของพนักงานสอบสวน การสอบปากคำเป็นการชี้นำหรือเอื้อประโยชน์ให้กับอีกฝั่งหนึ่ง ตนจึงจำเป็นต้องนำพยานมาให้คณะกรรมการ ก.ร.ตร. สอบปากคำด้วยตนเอง
ส่วนกรณีที่ ผกก.สน.เตาปูน จะลาออกเนื่องจากถูกกดดัน นายษิทรา กล่าวว่า ล่าสุดทราบว่าเชื่อว่าอาจมีความกดดันตั้งแต่แรก จนมาถึงตนที่ไปยื่นเรื่องเอาผิดกับบิ๊กตำรวจ รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าจะมีการโอนสำนวนคดีไปให้หน่วยงานอื่นทำแทน กลัวว่าจะถูกตรวจพบความผิดที่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จึงเชื่อว่าเป็นแรงกดดันที่อยากจะลาออกจากการเป็นผู้กำกับ สน.เตาปูน แต่ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินการเอาผิดกับพนักงานสอบสวนชุดนี้ ฐานความผิด ม.157 หากมีการโอนสำนวนไปให้หน่วยงานอื่น
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันและการพนันออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญที่ทางผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา ตอนนี้เรื่องจับกุมขบวนการเว็บการพนันที่เห็นออกข่าวอยู่ทุกวัน เพราะเจ้าหน้าที่มีหลักฐานอยู่แล้วจึงนั่งไล่จับและยกเลิกตั๋ว พอเรื่องเงียบไปสักพักก็กลับมาเข้าสู่ขบวนการรับส่วยเหมือนเดิม ตนจึงขอเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาทุจริต ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ลงมาแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม.-สำนักข่าวไทย