17 ม.ค.- กองปราบปรามนำสำนวนคดีทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 9,317 แผ่น ส่งพนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดี
พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามได้เดินทางมาส่งสำนวนคดีทนายตั้ม 9,317 แผ่น มาส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด มี พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้นำส่งสำนวน ส่วนฝั่งพนักงานอัยการผู้รับมอบ คือนายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ
พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ เปิดเผยว่า สำนวนที่ส่งกับพนักงานอัยการในวันนี้มี 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของคดีนอกราชอาณาจักร ประกอบไปด้วย เรื่องเงิน 71 ล้านบาท เงิน 39 ล้านบาท และเรื่องรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท กับส่วนคดีในราชอาณาจักร คือเรื่องออกแบบก่อสร้างโรงแรม โดยทั้ง 4 เรื่องมีผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 7 ราย พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกรายทุกข้อกล่าวหา ทั้งในเรื่องข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินที่ดำเนินคดีกับทนายตั้ม ภรรยา ดาวพี่สาวภรรยาทนายตั้ม นุ และสา
นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาใหม่ที่พนักงานสอบสวนแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 2 ราย ในส่วนคดีรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท โดยเป็นบุคคลที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสารใบเสร็จรับเงิน โดยถูกดำเนินคดีในเรื่องทำเอกสารเท็จ ซึ่งผู้ต้องหาใหม่ทั้ง 2 รายต้องมารายงานตัวกับพนักงานอัยการด้วยในวันนี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดาว พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ถือว่าอยู่ในการควบคุมของศาลเนื่องจากได้รับการประกันตัวในระหว่างฝากขัง จึงไม่จำเป็นต้องนำตัวมาส่งพนักงานอัยการในวันนี้
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องความคืบหน้าคดีพินัยกรรมมาดามอ้อยกับทนายตั้ม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำความผิดตามที่แจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อยู่ ส่วนจะต้องเรียกมาดามอ้อยมาสอบปากคำอีกหรือไม่ ยังไม่พิจารณาในเรื่องนี้
สำหรับประเด็นเรื่องการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมนั้น ยังไม่มีหนังสือดังกล่าวจากผู้ต้องหา แต่จากการเข้าไปสอบปากคำทนายตั้มในเรือนจำ ทนายตั้มยังคงต้องการให้ทางพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ
ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ จะส่งมอบสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาเบื้องต้น ซึ่งในสำนวนคดีนอกราชอาณาจักร จะส่งกราบเรียนต่อไปยังอัยการสูงสุด ส่วนคดีในราชอาณาจักร พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษสามารถมีคำสั่งได้เลย โดยจะเร่งดำเนินการพิจารณาสำนวนคดีให้แล้วเสร็จก่อนครบผัดฝากขังผู้ต้องหา คือวันที่ 30 มกราคมนี้ .419 .-สำนักข่าวไทย