บุกรวบ 2 หมอเถื่อน ลอบเปิดคลินิกรักษาโรค

กทม. 19 มี.ค.- ตำรวจ ปคบ. ร่วมเจ้าหน้าที่ สบส. จับกุม 2 หมอเถื่อน เปิดคลินิกรักษาโรค เตือนประชาชนเสี่ยงได้รับการวินิจฉัยโรคผิด


ตำรวจ ปคบ. และเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันจับกุม แพทย์เถื่อน และคลินิกเถื่อน เปิดทำการรักษาโรคทั่วไปให้ประชาชน ตรวจค้น 2 จุด จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย

สืบเนื่องจากตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับการประสานจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ว่า มีประชาชนแจ้งเบาะแสให้ทำการตรวจสอบคลินิกที่เปิดดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และรักษาโดยแพทย์ซึ่งไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ในพื้นที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงลงพื้นที่ทำการสืบสวนพบว่า มีการเปิดคลิกนิกโดยมีบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปจริง


ต่อมาตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมสถานพยาบาล ดังกล่าว คือ “คลินิก” บริเวณถนนราษฎร์พัฒนา(เคะร่มเกล้า 31) เขตลาดกระบัง พบว่าคลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปอยู่ พบ นายรัฐภูมิ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นแพทย์ ทำการตรวจรักษา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบพบว่า สถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล อีกทั้ง แพทย์ที่ทำการรักษาโรคให้กับประชาชนทั่วไปนั้น ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด โดยนายรัฐภูมิ รับว่าตนเองเคยมีประสบการณ์การทำงานในโรงพยาบาลกว่า 13 ปี จากนั้นเดินทางไปศึกษาแพทย์ที่ต่างประเทศ แต่เรียนไม่จบ ด้วยใจรักในวิชาชีพแพทย์และอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง จึงมาเปิดสถานพยาบาลดังกล่าว และอ้างตัวเป็นแพทย์ รักษาประชาชนมาได้ประมาณ 3 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมนายรัฐภูมิ และได้ตรวจยึดเครื่องมือแพทย์, ผลิตภัณฑ์ยาอื่นที่เป็นความผิด และเวชระเบียนผู้มารับการรักษา กว่า 30 รายการ

จุดที่ 2 คลินิกตั้งอยู่บริเวณซอยไทธานี 6 ถนนนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบว่าขณะตรวจค้นคลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการรักษาโรคให้ประชาชนทั่วไปอยู่ และพบนายกฤตษ์ศรัณย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี แสดงตัวเป็นแพทย์ ทำการตรวจรักษาประชาชนอยู่ในสถานพยาบาลดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า สถานพยาบาลดังกล่าวมีใบประกอบกิจการสถานพยาบาล และใบประกอบกิจการดำเนินสถานพยาบาลถูกต้อง แต่นายกฤตษ์ศรัณย์ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำการตรวจรักษา ยอมรับว่าตนเองยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด โดยนายกฤตษ์ศรัณย์ รับว่าตนเองเรียนจบระดับปริญญาตรี สาขาแพทย์ศาสตร์จากต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างฝึกงาน ณ โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพ ในระหว่างรอสอบใบประกอบวิชาชีพจึงทำการรักษาให้บุคคลทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมนายกฤตษ์ศรัณย์

โดยทั้ง 2 คน มีความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา


ทั้งนี้ การปล่อยให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้ โดยหากพบการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

สำหรับ การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม

  1. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ก่อนเข้ารับการรักษาโรคต่างๆตามสถานพยาบาลควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตของคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนในเบื้องต้น เพราะอาจทำให้ได้รับความเสี่ยงในการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ไม่ถูกต้องจากบุคลากรที่ไม่ใช้แพทย์ รวมถึงบุคคลที่อ้างว่าจบการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์จากต่างประเทศ แต่ยังสอบไม่ผ่านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศ ถือว่ายังไม่เป็นผู้อนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ยังไม่สามารถแสดงตัวเป็นแพทย์รักษาประชาชนตามคลินิกได้ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อ ลูกชายยังอยู่ในอาการช็อก เชื่อเสียใจและอยากมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5